รัฐบาล เลื่อน! เงินหมื่นเฟส 3 ไม่มีกำหนดหากสถานการณ์เหมาะสมจะทบทวนอีกครั้ง
รัฐบาล เลื่อน! เงินหมื่นเฟส 3 ไม่มีกำหนด ยันหากสถานการณ์เหมาะสมจะทบทวนอีกครั้ง เล็ง! ปรับใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง - รับมือผลกระทบภาษีทรัมป์ คาดช่วยกระตุ้น GDP ไทยโต 0.7 - 1 %
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 เสร็จสิ้น ว่าคณะกรรการฯ ตัดสินใจชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ออกไปก่อนแบบไม่มีกำหนด จนกว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเป็นปกติ โดย จะนำเงิน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งเดิมเป็นเงินที่ต้องใช้ในโครงการดิติทัลวอลเล็ตเฟส 3 และ 4 เปลี่ยนไปใช้ในโครงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

และรองรับผลกระทบ ที่เกิดจากมาตรการ การขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ โดยคาดว่า จะช่วยทำให้ GDP ของประเทศดีขึ้น 0.7 - 1 % จากการนำงบประมาณเปลี่ยนมาใช้เพื่อการลงทุนแทนการกระตุ้นการบริโภค
ดิจิทัล วอลเล็ต เราขอชะลอไปก่อน จนกว่าสถานการณ์เหมาะสม เนื่องจากวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนมีข้อจำกัดมากขึ้น จึงต้องปรับแผนการใช้เงิน ซึ่งไม่เกี่ยวกับไม่มีเงิน โดยยืนยันไม่เรียกว่าซื้อเวลาดีกว่า ถ้าสถานการณ์ดีเราก็หยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง แต่วันนี้เราอยากให้เกิดการจ้างงานก่อน เราจึงดูตามเหตุการณ์ที่เหมาะสม
ทางด้านสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. และธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ก็ ได้มีการส่งหนังสือถึงรัฐบาล เพื่อ ขอให้มีการทบทวน การนำงบประมาณมาใช้ใน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ด้วย
นอกจากนี้ นายพิชัย คาดว่า การใช้งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท จะเกิดขึ้นในปีนี้และปีหน้า ผ่าน 6 โครงการ ได้แก่
1.โครงการบริหารจัดการน้ำ
2.โครงการด้านโลจิสติกส์และคมนาคม
3.โครงการการฟื้นฟูการท่องเที่ยว
4.โครงการช่วยบรรเทาผลกระทบต่อ SME และภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์
5.โครงการพัฒนาชุมชน ผ่านโครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง (SML)
6.โครงการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ โดย เฉพาะการพัฒนาการศึกษาของเยาวชน
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแผนการลงทุนในโครงการทั้ง 6 ด้านดังกล่าว เสนอโครงการการใช้งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ให้กับคณะอนุกรรมการ ของคณะ คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายพิชัย เป็นประธานพิจารณาในระยะต่อไป
และนอกจากนี้ รัฐบาลจะมีการปรับงบประมาณปี 2569 ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อปรับวงเงิน งบประมาณบางส่วน มาใช้ในการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจของประเทศ ต่อเนื่องจาก เม็ดเงินงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทด้วย และรองรับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ รวมไปถึงจะมีการใช้งบประมาณต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2570 ต่อไปเพราะรัฐบาลมองว่า การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในครั้งนี้ ต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี และใช้เม็ดเงินกว่า 5 แสนล้านบาท
ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้มีการหารือกับภาคการเงิน ทั้ง ธปท. และ ธนาคารพาณิชย์ เพื่อเตรียมมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SME และภาคส่งออกที่ได้รับผลกระทบ จากการส่งออกไปสหรัฐฯ เช่น การเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft loan