สภาพัฒน์ คาด! สหรัฐฯ รีดภาษีไทย 18% ลุ้นเจรจาใหม่ ผลออกมาดี
สภาพัฒน์ คาด! สหรัฐฯ อาจเก็บภาษีไทย 18% ลุ้นเจรจารอบใหม่ผลออกมาดี มอง! หากต่ำว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บภาษีสหรัฐฯ ต่อไทย ว่า สศช. ตั้งสมมุติฐานโดยคาดการณ์ว่า สหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีประเทศไทย 18% ซึ่งพิจารณาจาก 3 ประเทศที่ได้มีการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ แล้ว ได้แก่ จีน อังกฤษ และเวียดนาม ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ หากต่ำกว่า 18% ก็จะเป็นผลดีต่อไทยมากกว่า

ส่วนสินค้าที่สหรัฐฯ ต้องการส่งออกมายังไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด และหมูเนื้อแดง มองว่าก็ไม่ได้แย่เกินไป เพราะเป็นสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อผลิตเป็นสินค้าแล้วแปรรูปเพื่อส่งออก เนื่องจากไทยยังขาดวัตถุบางอย่างที่ต้องใช้ในกระบวนการผลิต
ซึ่งล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าการเจรจากับทีม USTR ของสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และหลังจากนี้จะทำงานหนักมากขึ้น ซึ่งจะมีการปรับเงื่อนไขเสนอให้ชัดเจนว่าเป็นผลประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อผลักดันข้อตกลงที่ “win-win” สำหรับทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการของทั้งไทยและสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ทีมเจรจาไทย จะได้เจรจาใหม่กับสหรัฐฯ ทันในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ส่วนสหรัฐฯ จะขยายระยะเวลาในการเจรจาให้หรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะมีการขยายระยะเวลา
ขณะเดียวกัน หากผลการเจรจาภาษีของไทยสูงกว่าเวียดนามในระดับ 20% ยังไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดที่จะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยจะต้องประเมินจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทยด้วย ว่าจะถูกจัดเก็บภาษีที่เท่าไหร่ โดยสมมุติฐานมีหลากหลายมากซึ่งต้องไปไล่ดูอีกครั้ง
ส่วนกรณี หากสหรัฐฯ ไม่ลดการจัดเก็บภาษีไทยคงไว้ในระดับเดิมที่ 36% และประเทศอื่นๆ ถูกเก็บภาษีตามที่สหรัฐฯ ประกาศไว้ตั้งแต่แรก คาดว่า GDP ไทยจะขยายตัวได้ 2.3% แต่ล่าสุดเวียดนามจาก 46% ลงมาอยู่ที่ 20% และประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทยยังไม่รู้ผล ดังนั้น ขณะนี้ จึงยังไม่สามารถประเมิน GDP ได้ หลังจากนี้ ขอกลับไปคำนวณตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจภาพรวม 5 เดือนแรกปีนี้ ยังขยายตัวได้ดี / การลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี และนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเข้ามาอย่างต่อเนื่องแม้จีนจะเข้ามาไม่มาก ประกอบกับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งถือเป็นรายได้หลักที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ส่วนการส่งออกจะต้องประเมินผลเจรจาภาษีสหรัฐฯ อีกครั้ง