“จุลพันธุ์” เผย 2 แบงค์รัฐ หนุน SME สู้สงครามการค้า
รมช.คลัง เผย ธ.ก.ส.- ธพว. จับมือหนุน SME หวังเพิ่มขีดความสามารถ ขณะที่รัฐเร่งหามาตรการรับมือเศรษฐกิจชะลอและสงครามการค้า
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) หน่วยงานรัฐกับหน่วยงานรัฐ (G to G) ภายใต้ “โครงการคู่ความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ ด้านการมุ่งเน้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” ระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) ในฐานะในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)
กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินกระบวนการและการจัดการ (Core Business Enablers) ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งประกอบด้วยตัวชี้วัด 8 ด้าน ได้แก่
1. การกำกับดูแลที่ดีและการนำองค์กร
2. การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์
3. การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน
4. การมุ่งเน้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
5.การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
6. การบริหารทุนมนุษย์
7.การจัดการความรู้และนวัตกรรม
8. การตรวจสอบภายใน สำหรับให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ใช้เป็นแนวทางยกระดับและพัฒนาองค์กร อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นการพัฒนาศักยภาพองค์กรและลูกค้าของทั้งสองธนาคาร ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเดินหน้าร่วมกันในอนาคต ซึ่ง ธ.ก.ส. และ ธพว. มีฐานลูกค้าที่คาบเกี่ยวกันอยู่แล้ว ทั้งเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SME
การจับมือกันครั้งนี้เป็นแบบวิน-วิน ทั้งสองธนาคารจะได้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งการแชร์ข้อมูล ออกผลิตภัณฑ์ และเสริมศักยภาพลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่ม SME รายย่อยที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ซึ่งแตกต่างจาก SME ที่เป็นบริษัทย่อยของบริษัทใหญ่
พร้อมย้ำว่าธนาคารของรัฐต้องช่วยเหลือให้ตรงกับความต้องการจริง ๆ ของผู้ประกอบการ โดยต้องทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีโอกาสแข่งขันกับรายใหญ่ได้มากขึ้น เช่น การปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือให้สินเชื่อพิเศษ (soft loan)
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ ระบุว่า ปัญหาสำคัญของ SME คือการเข้าถึงแหล่งทุน โดยรัฐบาลเตรียมมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ ผ่านกลไกของธนาคารของรัฐ รวมถึงอาจใช้งบกลางและกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขึ้นอยู่กับกรอบงบประมาณที่ ครม.จะพิจารณาอนุมัติ
นายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ธนาคารของรัฐจะไม่ได้มีบทบาทโดยตรงทั้งหมด แต่รัฐบาลได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือ SME อย่างละเอียด ครอบคลุมทั้งกลไกงบประมาณ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถ และมาตรการรองรับความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยจำนวนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบได้ เนื่องจากการประเมินยังไม่แม่นยำ และเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะขาลง
โดยมาตรการช่วยเหลือ SME จะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ มีความต่อเนื่อง และตรงจุด เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับการแข่งขัน รวมถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบการส่งออกและผู้ประกอบการไทย รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งมาตรการช่วยเหลือภายในประเทศควบคู่ เพื่อบรรเทาผลกระทบและสร้างสมดุลให้ผู้ประกอบการไทย
สำหรับงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่ปัจจุบันเงินส่วนนี้เหลืออยู่ราว 26,000 ล้านบาท นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า ต้องเร่งหาวิธีใช้ให้ทันภายในสิ้นเดือนกันยายน โดยอาจไม่สามารถจัดทำโครงการผูกพันระยะยาวได้ทัน แต่สามารถปรับเปลี่ยนหมวดงบประมาณหรือใช้กลไกตามมาตรา 28 เพื่อชดเชยภาระของรัฐ พร้อมเตรียมมาตรการกระตุ้นปลายปี เช่น มาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ ยังระบุถึงแนวคิดการจัดตั้ง Entertainment Complex ที่ประเทศเวียดนามเริ่มดำเนินการแล้ว ว่า แม้เวียดนามจะเริ่มก่อน แต่ไม่ได้กระทบศักยภาพของประเทศไทย หากมีการดำเนินโครงการจริง เชื่อว่าจะสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท พร้อมย้ำว่า การลงทุนของไทยและเวียดนามมีความแตกต่างกัน ทั้งระดับเงินลงทุนและรูปแบบโครงการ และขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะนำเรื่องนี้มาหารือกัน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง
ทั้งนี้ ด้านร่างงบประมาณปี 2569 นายจุลพันธ์ยืนยันว่า กระบวนการในสภาผู้แทนราษฎรเสร็จสิ้นแล้ว และจะเข้าสู่วุฒิสภาเพื่อพิจารณาในวันที่ 1–2 กันยายนนี้ เพื่อให้สามารถประกาศใช้กฎหมายงบประมาณได้ทันภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ตามกรอบเวลาที่กำหนด
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB