เปิดตัวระบบ “e-WorkPermit” ยื่นขอใบอนุญาตทำงานออนไลน์ 24 ชม. เริ่ม 13 ต.ค.นี้
กระทรวงแรงงาน เปิดตัวระบบ “e-WorkPermit” ยื่นขอใบอนุญาตทำงานออนไลน์ 24 ชม. พร้อมเปิดให้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย 15 ต.ค.นี้
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้เร่งขับเคลื่อนการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยเตรียมเปิดให้บริการระบบ “e-WorkPermit” การขออนุญาตทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ พร้อมเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ผ่านเว็บไซต์ eworkpermit.doe.go.th ซึ่งถือเป็นยกระดับบริการภาครัฐสู่ระบบดิจิทัลตามนโยบายรัฐบาล เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใสในการให้บริการ
สำหรับขั้นตอนการใช้บริการระบบ e-WorkPermit มี 8 ขั้นตอน ได้แก่
1. ลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบ e-WorkPermit ลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้งานระบบและจัดการโปรไฟล์
2. ยืนคำขอรับใบอนุญาตทำงาน เลือกเมนูบริการ กรอกข้อมูลการยื่น Online
3. ชำระเงินค่ายื่นคำขอ ผ่านระบบ e-Payment
4. รอตรวจสอบเอกสาร
5. รับทราบผลการอนุญาต แจ้งผ่าน E-mail SMS หรือ Line OA เป็นต้น
6. ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน
7. นัดหมาย Online เลือกศูนย์บริการ วันเวลา และพิมพ์ใบนัดหมาย
8. เดินทางไปศูนย์บริการ เพื่อแสดงตน จัดเก็บข้อมูล Biometric อาทิ การสแกนใบหน้า ม่านตา และลายนิ้วมือ เพื่อความปลอดภัยและแม่นยำของข้อมูลและรับใบอนุญาตทำงาน
ทั้งนี้ บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ หรือ บนจ. สามารถเริ่มลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบได้ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคมนี้ เพื่อจัดเก็บข้อมูลโปรไฟล์และยืนยันตัวตนล่วงหน้า ก่อนที่ในวันที่ 13 ตุลาคม จะเปิดให้แรงงานต่างด้าวและนายจ้างทั่วไปสามารถลงทะเบียน ยื่นคำขอ และดำเนินการต่าง ๆ ได้พร้อมกันทั่วประเทศ
โดยกรมการจัดหางาน ยังได้เปิดศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานกว่า 54 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับระบบใหม่ ประกอบด้วยศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว 40 แห่ง ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง 5 แห่ง หน่วยบริการเคลื่อนที่ 8 หน่วย และศูนย์กำกับควบคุมการปฏิบัติงาน 1 แห่ง
นางสาวตรีนุช กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาระบบ e-WorkPermit จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ทำให้ข้อมูลถูกรวบรวมไว้อย่างละเอียด เป็นประโยชน์ต่อการวางนโยบายด้านความมั่นคง สุขภาพ และการคุ้มครองแรงงานในอนาคต อีกทั้งช่วยลดขั้นตอน ลดการใช้เอกสาร และเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน
เมื่อเปลี่ยนระบบเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล ก็สามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวดเร็วขึ้น ประหยัดเวลา และตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ง่าย ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจและนักลงทุน ทั้งไทยและต่างชาติ เพราะระบบที่โปร่งใสและทันสมัยช่วยลดอุปสรรคในการทำงานของนายจ้างและแรงงาน
ในส่วนของความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล กระทรวงแรงงานได้กำชับบริษัทเอาต์ซอร์สที่ดูแลระบบให้ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเข้มงวด โดยเน้นย้ำไม่ให้ข้อมูลแรงงานรั่วไหลสู่ภายนอก และได้กำหนดมาตรการควบคุมข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงอย่างรัดกุม
นอกจากระบบ e-WorkPermit แล้ว กระทรวงแรงงานยังเตรียมเปิดให้แรงงานต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย ได้เข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง ผ่านการขึ้นทะเบียนออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะเปิดผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ทำงานอยู่กับนายจ้างในประเทศไทยโดยไม่มีเอกสารหรือหมดอายุ สามารถอยู่และทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 1 ปี
จากข้อมูลล่าสุดช่วงเดือนสิงหาคม–กันยายน มีแรงงานผิดกฎหมายอยู่ประมาณ 300,000–400,000 คน และคาดว่าปัจจุบันตัวเลขอาจเพิ่มขึ้นเป็น 500,000–700,000 คน ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้เป็นเป้าหมายหลักของมาตรการขึ้นทะเบียนออนไลน์ดังกล่าวนี้
โดยนายจ้างสามารถยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนแรงงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ตั้งแต่วันที่ 15–29 ตุลาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง จากนั้นต้องพาแรงงานไปตรวจสุขภาพ ทำประกันสุขภาพ และจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ก่อนจะได้รับใบอนุญาตทำงานที่มีผลถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2569
อย่างไรก็ดี นางสาวตรีนุช ระบุว่า โครงการดังกล่าวเป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในประเทศ และป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยจำกัดช่วงเวลาการลงทะเบียนเพียง 15 วัน เพื่อควบคุมจำนวนแรงงานและป้องกันปัญหาความมั่นคง
เราเข้าใจดีว่ามีแรงงานจำนวนมากที่ทำงานอยู่จริงในประเทศไทยและมีนายจ้าง แต่เอกสารไม่ถูกต้อง ระบบใหม่นี้จะช่วยให้พวกเขาเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง และช่วยนายจ้างให้ดำเนินกิจการได้อย่างโปร่งใส พร้อมออกแบบช่วงเวลาลงทะเบียนเพียง 15 วัน เพื่อป้องกันการทะลักของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และรับเฉพาะกลุ่มที่มีนายจ้างชัดเจนเท่านั้น ข้อมูลนี้จะช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ
ด้านนายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มแรงงานดังกล่าว กรมการจัดหางานกำหนดแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
1.นายจ้าง ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนแรงงานต่างด้าว และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 15–29 ตุลาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ พร้อมได้รับหลักฐานแสดงการได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2568
2.นายจ้างพาแรงงานเข้ารับการตรวจสุขภาพ ทำประกันสุขภาพ และจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยแรงงานสัญชาติกัมพูชาต้องรายงานตัวทุก 60 วัน
3.หลังดำเนินการครบทุกขั้นตอน กรมการจัดหางานจะออก ใบอนุญาตทำงานระยะเวลา 1 ปี ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2569
4.ระหว่างผ่อนผัน 1 ปี แรงงานต่างด้าวต้องจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและขอออกบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทยกับกรมการปกครอง
ทั้งนี้ การผ่อนผันจะสิ้นสุดทันทีเมื่อแรงงานต่างด้าวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทน พร้อมขอวีซ่าอยู่ในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายพิเชษฐ์ ระบุว่า ทั้งสองโครงการจะช่วยให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวมีความทันสมัยและโปร่งใสมากขึ้น ลดขั้นตอน ลดการใช้เอกสาร และสร้างฐานข้อมูลแรงงานต่างด้าวแบบบูรณาการที่หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้ร่วมกันได้ ขณะเดียวกันยังช่วยให้แรงงานได้รับการคุ้มครองตามสิทธิทางกฎหมาย และให้นายจ้างสามารถดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและนายจ้างสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ eworkpermit.doe.go.th, เพจ Facebook “DOE e-WorkPermit”, สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2, หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB