มหกรรม "ธงเขียว-ธงฟ้า" พื้นที่ชายแดน ช่วยลดค่าครองชีพ ปชช. กว่า 8 ล.
พาณิชย์ จัดมหกรรม "ธงเขียว-ธงฟ้า" จ.ศรีสะเกษ ลดราคาปุ๋ย สูงสุด 200 บาทต่อกระสอบ - สินค้าอุปโภคบริโภค คาดเงินสะพัด 50 ล้านบาท ลดค่าครองชีพ ปชช. 5-8 ล้านบาท
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เปิดงานธงเขียวราคาประหยัด “ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว” ที่ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธกส. จังหวัดศรีสะเกษ จำกัด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ให้สามารถเข้าถึงปัจจัยการผลิตในราคาที่เป็นธรรม ลดภาระต้นทุนที่สูงขึ้น และรักษาเสถียรภาพการผลิตทางการเกษตร
การจัดงานครั้งนี้ กรมการค้าภายใน ได้ผนึกกำลังกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ 5 สมาคม 24 รายใหญ่ทั่วประเทศ อาทิ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย, สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย, สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร, สมาคมอารักขาพืชไทย, สมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย, ผู้ผลิตปุ๋ยและเคมีเกษตร รวมถึงห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เพื่อนำเสนอสินค้าคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้จริง รวมทั้งนวัตกรรมทางการเกษตรที่ล้ำสมัย
มีคำสั่งซื้อปุ๋ยแล้วมากกว่า 2,000 กระสอบ โดยจังหวัดศรีสะเกษ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน เราจึงตั้งใจนำโครงการธงเขียว และธงฟ้า มาเชื่อมโยงกัน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยจะมีคาราวานธงฟ้าโมบายเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ที่เข้าถึงยาก พร้อมจับมือกับไปรษณีย์ไทยในการช่วยค่าขนส่ง เพื่อเปิดช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคของศรีสะเกษออกสู่ตลาดในวงกว้าง ให้เกิดทั้งการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และลดต้นทุนให้เกษตรกร
นางศุภจี กล่าวต่อว่า สำหรับ “มหกรรมธงฟ้าเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน จังหวัดศรีสะเกษ” ณ ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ร่วมกับพลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อช่วยเหลือประชาชนลดภาระค่าครองชีพ และส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาให้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น พร้อมเปิดตัว คาราวานโมบายธงฟ้า เพื่อจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอชายแดนที่ห่างไกล
ซึ่งภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดกว่า 1,000 รายการ ครอบคลุม 10 หมวดสินค้า ลดราคาสูงสุดถึง 60% อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซอสปรุงรส น้ำยาซักผ้า เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย รวมถึงสินค้าชุมชนจากจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดชายแดนอีก 6 จังหวัด
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าไฮไลท์ในราคาพิเศษ เช่น ไข่ไก่เบอร์ M แผงละ 80 บาท น้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 20 บาท น้ำมันพืชปาล์มขวดละ 40 บาท และข้าวหอมมะลิ (5 กก.) ถุงละ 120 บาท รวมถึงสินค้าผลไม้จากกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ นำมาจำหน่ายในราคาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
ซึ่งโครงการธงฟ้าเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยเยียวยาค่าครองชีพของประชาชน โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเข้าถึงได้ในราคาประหยัด เพื่อแบ่งเบาภาระของพี่น้องชาวศรีสะเกษ รวมทั้งยังเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการในจังหวัดได้นำสินค้ามาจำหน่าย และขยายช่องทางตลาดมากขึ้น
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อช่วยนำสินค้าของผู้ประกอบการในจังหวัดศรีสะเกษไปจำหน่ายทั่วประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์และไปรษณีย์ไทยจะร่วมสนับสนุนค่าขนส่งสินค้าให้ผู้ประกอบการรายละ 1,000 บาท เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสทางการตลาด
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำเสนอสินค้า(GI) และผลิตภัณฑ์ชุมชนที่โดดเด่นมีศักยภาพ จาก 7 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ได้รับการพัฒนาและยกระดับภาพลักษณ์ ภายใต้ความร่วมมือของกรมการค้าภายใน กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยจับคู่ผู้ประกอบการกับนักออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และเรื่องราวของสินค้าให้มีความน่าสนใจ พร้อมผลักดันเป็นของขวัญของฝากช่วงเทศกาลปลายปี
ไฮไลต์สำคัญภายในงาน มีการจำหน่ายปุ๋ยเคมี 6 สูตรหลัก ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในพืชเศรษฐกิจ เช่น นาข้าว พืชไร่ พืชผัก และไม้ผล ได้แก่ สูตร 15-15-15, 16-16-8, 46-0-0, 13-13-21, 21-4-21 และ 15-5-20 ซึ่งจะจำหน่ายในราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 200 บาทต่อกระสอบ นอกจากนี้ ยังมีการมอบคูปองส่วนลดมูลค่า 50 บาท สำหรับใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสารเคมีเกษตรอื่นๆ เช่น ยาฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืช เพื่อให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมการเกษตรที่ทันสมัยที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยให้เกษตรกรพัฒนาและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ งานธงเขียวราคาประหยัด จัดมาแล้ว 6 ครั้งในหลายจังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา พิจิตร ชุมพร พิษณุโลก เพชรบุรี และนนทบุรี ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกรในพื้นที่ โดยสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความพึงพอใจในเรื่องคุณภาพของสินค้าและราคาที่เป็นธรรม
คาดว่า การจัดงานในครั้งที่ 7 ที่ศรีสะเกษครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จ และเตรียมขยายผลสู่จังหวัดอื่นในอนาคต โดยการจัดงานในแต่ละพื้นที่ได้คำนึงถึงความต้องการและชนิดพืชที่ปลูกในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้การช่วยเหลือเกิดประโยชน์สูงสุด
ด้านนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการขยายโครงการไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด โดยจะดำเนินการให้ครบทุกพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรในแต่ละจังหวัดได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง โดยการจัดงานครั้งนี้ คาดว่า จะมีเงินสะพัดกว่า 50 ล้านบาท และช่วยลดค่าครองชีพได้ประมาณ 5-8 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้านโยบาย Quick Big Win ส่งเสริมและยกระดับสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยมีการจัดแสดงสินค้า GI จังหวัดศรีสะเกษภายในงาน เพื่อสร้างการรับรู้และขยายตลาดสินค้าอัตลักษณ์ของชุมชน
โดยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า จังหวัดศรีสะเกษมีสินค้า GI ทั้งหมด 7 รายการ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง หอมแดงศรีสะเกษ กระเทียมศรีสะเกษ และครุน้อยบ้านสะอาง ศรีสะเกษ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 4,500 ล้านบาท ในอนาคตยังมีสินค้าใหม่ที่เตรียมขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม เช่น ไก่ย่างไม้มะดัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับจังหวัดได้มากขึ้น
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB