หนุน BYD ใช้ชิ้นส่วนไทยเพิ่ม ดัน Local Content ทะลุ 54%

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วยผู้บริหาร ส.อ.ท. เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตของโรงงานของบริษัท บีวายดี ออโต้(ประเทศไทย) จำกัด (BYD) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมีนาย เซียว ไห่ ผิง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สำนักประธานกลุ่มบริษัทบีวายดี ให้การต้อนรับคณะผู้เยี่ยมชม ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง

 

โดยได้เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตภายในโรงงาน ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ โรงประกอบ (Assembly Plant) ที่มีการออกแบบสายการผลิตให้มีความยืดหยุ่นรองรับการผลิตรถยนต์ทั้งในประเทศและส่งออกสู่ตลาดโลก โดยเน้นกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอนเพื่อการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

โรงแบตเตอรี่ (Battery Plant) ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเรียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ซึ่งมีความปลอดภัยสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน เป็นส่วนสำคัญที่เสริมความสามารถในการแข่งบันของผลิตภัณฑ์ EV ที่ผลิตภายในประเทศ และโรงเชื่อม (Welding Shop) ที่มีการใช้หุ่นยนต์เชื่อมอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูง และมีระบบตรวจสอบคุณภาพแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ได้โครงสร้างรถยนด์ที่แข็งแรงและปลอดภัยสูงสุด การใช้เทคโนโลยีอัตโนมัตินี้ยังช่วยลดของเสียจากกระบวนการผลิต

นายนาวา เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมชมโรงงาน ว่า การเยี่ยมชมในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว และสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ (New S-Curve) อย่างยั่งยืน สะท้อนถึงบทบาทของภาคอุตสาหกรรมไทยในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจาก อุตสาหกรรมดั้งเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัฒกรรมและเทคโนโลยีสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve Industries) อย่างเป็นรูปธรรม ตามนโยบายของภาครัฐ เพื่อวางรากฐานสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Economy) และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ให้และเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ของ ภูมิภาคอาเซียน

ขณะเดียวกัน ส.อ.ท ได้หารือกับผู้บริหารBYD ประเทศไทย ถึงการเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Content) จากปัจจุบันที่อยู่ราว 54% ให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต จากช่วงต้นปีที่อยู่ที่ 50% ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย โดยส.อ.ท. โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ BYD ถือเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์จีนที่ประสบความสำเร็จในการผลิตในไทย โดยล่าสุดเพิ่งฉลองการส่งมอบรถยนต์ครบ 100,000 คัน ซึ่งกว่า 55% ผลิตในประเทศไทย สูงกว่าค่าเฉลี่ยของแบรนด์จีนที่ปีที่แล้วผลิตในไทยเพียง 42% โดยนำเข้าจากจีนถึง 58% จึงถือว่า BYD ทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยและมีแนวโน้มก้าวขึ้นเป็นแบรนด์จีนที่ผลิตรถในไทยมากที่สุดภายในปีนี้ หลังเริ่มเดินสายการผลิตได้เพียง 15 เดือน

BYD น่าจะกลายเป็นโรลโมเดลให้กับบริษัทรถยนต์จีนรายอื่น ในการเพิ่มสัดส่วนการผลิตในไทยและเร่งใช้ Local Content มากขึ้น

ทั้งนี้ ส.อ.ท. ฝากไปยังผู้บริหารของ BYD ว่า ไม่อยากให้มองเรื่องการใช้ชิ้นส่วนไทยเพียงในมุมของการลดต้นทุน แต่ควรมองถึงกำไรในเชิงพันธมิตรทางธุรกิจและภาพลักษณ์องค์กรที่มีส่วนช่วยสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการใช้กำลังการผลิตลดลงต่อเนื่องในช่วง 6 ปี จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่เคยอยู่กว่า 1 ล้านคัน เหลือเพียงราว 600,000 คันต่อปี ทำให้การจ้างงานในภาคนี้ลดลงจากกว่า 500,000 คน เหลือเพียง 400,000 คนต้น ๆ

พร้อมระบุว่า ปัจจุบัน BYD ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศราว 500 รายการ ซึ่งบางส่วนสามารถต่อยอดได้ เช่น อุปกรณ์ตกแต่งภายใน เบาะหุ้มหนัง หรือเหล็กตัวถัง ที่ผู้ผลิตในประเทศมีศักยภาพผลิตได้ครบถ้วน และพร้อมป้อนให้กับโรงงานรถยนต์จีนเช่นเดียวกับที่ซัพพลายให้ญี่ปุ่นอยู่แล้ว

ทั้งนี้ นายนาวา ยังเห็นด้วยกับแนวคิดของ BYD ที่เสนอให้รัฐบาลส่งเสริมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ควบคู่กับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เนื่องจากยังมีข้อจำกัดด้านแท่นชาร์จ โดยเฉพาะผู้พักอาศัยในคอนโด ซึ่งสะท้อนว่ารถปลั๊กอินไฮบริดอาจเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยมากกว่าในช่วงนี้

ในส่วนของยอดขายรถยนต์ที่ชะลอตัว นายนาวา ชี้ว่า เกิดจากทั้งเศรษฐกิจซบเซาและนโยบายจำกัดสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อ ส.อ.ท. จึงได้เสนอให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและช่วยขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยขณะนี้ธนาคารของรัฐหลายแห่งเริ่มหารือร่วมกับเอกชนในประเด็นนี้แล้ว

สำหรับกรณีความกังวลเรื่องแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า นายนาวา ระบุว่า ส.อ.ท. ยังคงวางตัวเป็นกลาง และเห็นว่า BYD พร้อมรับผิดชอบดูแลลูกค้าตามมาตรฐาน ซึ่งหากบริหารจัดการได้ดี จะยิ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในตลาด EV

ส่วนข้อเสนอถึงภาครัฐในเชิงนโยบาย นายนาวา กล่าวว่า ส.อ.ท. เห็นว่าแนวทางส่งเสริมการลงทุนของ BOI ในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกถือว่ามาถูกทางแล้ว แต่ควรกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ผู้ผลิตใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น พร้อมจัดสิทธิประโยชน์จูงใจ (Incentive) ให้กับรายที่เร่งปรับตัวใช้ Local Content ได้เร็วกว่ากำหนด

ที่ผ่านมา ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยหลายรายบ่นว่าการเข้าเป็นซัพพลายเชนของบริษัทรถยนต์จีนนั้นยังยาก แม้จะเคยป้อนให้แบรนด์ญี่ปุ่นมาแล้ว แต่ผมมองว่านี่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน และถ้าผู้ผลิตจีนมองเกินกว่าต้นทุน มองในมุมของพันธมิตรและการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในประเทศ ก็จะเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย