ตั้งเป้าส่งออกข้าวปี 69 กว่า 7.5 ล้านตัน จับตา!หลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ตั้งเป้าส่งออกข้าวปี 69 กว่า 7.5 ล้านตัน จับตา หลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า อินเดีย เทขายข้าว 20 ล้านตัน กระทบราคาข้าวเปลือกเจ้าไทย อาจต่ำสุดในรอบ 30 ปี
ร.ต.ท. เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยภายหลังประชุมภาวะผลผลิตข้าวนาปี ปีเพาะปลูก 2568/69 ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับ สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อติดตามสถานการณ์ผลผลิตข้าวนาปี ว่า ผลผลิตข้าวนาปีในปี 2568 ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะประสบปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมบางพื้นที่ แต่ผลผลิตที่ได้ยังออกมาดี มีปริมาณ 24 ล้านตันข้าวเปลือก
ส่วนราคาขายยังอยู่ในเกณฑ์ดี อยู่ที่ตันละประมาณ 11,000 บาท ส่วนข้าวความชื้น 15% อยู่ที่ 13,000 - 14,000 บาท ขณะที่ การส่งออกข้าวไทยเป็นไปตามเป้าที่ 7.5 ล้านตัน คาดว่า จะส่งออกได้ถึง 8 ล้านตัน แต่การส่งออกข้าวไทยอยู่อันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดีย (อันดับ 1) และ เวียดนาม (อันดับ 2)
โดยการส่งออกข้าว ช่วงเดือนมกราคม-กันยายนปี 68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้าวหอมมะลิ ส่งออกที่ 1.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.8% , ขณะที่ ข้าวนึ่ง ส่งออกกว่า 1 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 26.5% แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ข้าวขาว ส่งออกที่ 2.39 ล้านตัน ลดลง 43.8% โดยราคาข้าว ณ ปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 330-340 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจาก 2 ปีก่อนที่ 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ทำให้ขณะนี้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง อย่าง เวียดนาม อินเดีย
ทั้งนี้ ตั้งเป้าปี 2569 ไทยจะส่งออกข้าวได้ที่ 7.5 ล้านตัน แบ่งเป็น ข้าวขาว 3.5 ล้านตัน ข้าวนึ่ง 1.4 ล้านตัน ข้าวหอมมะลิ 1.7 ล้านตัน ข้าวหอมไทย 6 แสนตัน
และข้าวเหนียว 3 แสนตัน
แต่ยังต้องติดตามหลายปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะความไม่แน่นอนหลังจากนี้ คือ ภาษีสหรัฐ ที่ไทยถูกจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 19% โดยข้าวหอมมะลิส่งออกไปสหรัฐฯ มากที่สุด กว่า 50% ของ 1.5 ล้านตัน หรือประมาณ 6-7 แสนตัน ยกตัวอย่าง ไทย ขายข้าวหอมมะลิที่ 1 ตัน ราคา 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะถูกปรับขึ้นเป็น 1,200 ดอลลาร์สหรัฐทันที หากเทียบกับคู่แข่งอย่าง เวียดนาม ขายข้าว ST25 เพียง 700 ดอลลาร์สหรัฐ หากเพิ่ม 20% ก็จะทำให้เพิ่มขึ้นประมาณ 840 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังน้อยกว่าไทย ดังนั้น ในช่วง 1-2 ปีนี้ ข้าวหอมมะลิไทย ยังสามารถส่งออกได้ แต่ในระยะยาวยังต้องติดตามและต้องพิจารณาว่าจะสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้อย่างไร ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ต้องได้รับการแก้ไข
ปัจจัยปัญหาค่าเงินบาทผันผวน โดยเฉพาะเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยลดลง เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง / ประเทศอินเดีย เริ่มทยอยเทสต๊อกข้าว 20,000,000 ตัน คาดว่าจะระบายได้ภายใน 2-3 ปี ซึ่งจะกระทบกับยอดส่งออกและราคาข้าวไทย / ประเทศฟิลิปปินส์ ระงับการนำเข้าข้าวเป็นบางช่วง เพื่อปกป้องเกษตรกรในประเทศ / ประเทศอินโดนีเซีย นำเข้าข้าวไทยน้อยลง / รวมถึงผลผลิตข้าวทั่วโลกเพิ่มขึ้น
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ของ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 69 มีปัจจัยบวกที่จะทำให้ส่งออกข้าวไทยได้ที่ 7.5 ล้านตัน เช่น ราคาเข้าไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่ง และไทยยังส่งออกข้าวที่ตลาดอิรักได้ตามปกติ
ซึ่งมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจากกรณีที่อินเดียจะเทสต๊อกข้าวออกมาในตลาดโลกและขายในราคาต่ำ คาดว่า ข้าวขาวจะขายอยู่ที่ประมาณ 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
แต่หากคำนวณเป็นราคาข้าวเปลือกเจ้าของไทย ก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทต่อตัน สำหรับข้าวเปลือกความชื้น 15% ซึ่งจะถือว่าต่ำสุดในรอบ 30 ปี ดังนั้น รัฐบาลควรเตรียมมาตรการรองรับ
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลไทยกำลังเร่งเจรจาเรื่องการส่งออกข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับประเทศจีน เพื่อเพิ่มปริมาณการส่งออกจากเดิม 280,000 ตัน เป็น 500,000 ตันในปี 68 นั้น มองว่า เป็นเรื่องของผู้นำประเทศที่ต้องหารือกัน ไม่ใช่แค่ระดับกระทรวงฯ
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB