เงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า จับตาเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.สูงกว่าคาด
เงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงรับรู้รายงานเงินเฟ้อทั่วไป
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนมิถุนายนอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 8.0% (ตลาดคาด 7.5%) ตามการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าพลังงาน รวมถึงอาหารและการส่งผ่านต้นทุนสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยหากเงินเฟ้อสูงกว่าคาดไปมากก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคาดหวังว่าอาจมีการประชุม กนง. รอบพิเศษเพื่อปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
AIS ทุ่ม 3.2 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการ 3BB – หน่วยลงทุน JASIF
แนวโน้มคนใช้จ่ายน้อยลง จากราคาสินค้าที่แพงขึ้น
ซึ่งมุมมองดังกล่าวอาจทำให้บอนด์ยีลด์ระยะสั้นผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นได้ หลังรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ปัญหาเงินเฟ้อสูงที่กดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภคอาจส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) ลดลงสู่ระดับ 40 จุด ในเดือนมิถุนายน กดดันแนวโน้มการบริโภคของครัวเรือนในระยะนี้ได้
แนวโน้มของค่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านใหม่ 35.75 บาทต่อดอลลาร์ได้ ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดที่กดดันให้ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง นอกจากนี้ ต้องระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงรับรู้รายงานเงินเฟ้อทั่วไป
การอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอด้วยแรงขายของผู้ส่งออกที่ต่างรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่า รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ จึงคาดว่า เงินบาทจะยังไม่อ่อนค่าทะลุระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ไกล หากตลาดไม่ได้กังวลการเริ่มใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้งในบางพื้นที่ของจีน จนหันมาเทขายสินทรัพย์ฝั่ง EM Asia ทั้งหุ้นและบอนด์ อย่างรุนแรง
ราคาทองวันนี้ (4 ก.ค.65) เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยกดดัน
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น ประเมินว่า เงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มผันผวน โดยภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงชัดเจนขึ้นหรือข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาแย่กว่าคาดและท่าทีไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงของเฟดจะเป็นปัจจัยกดดันให้เงินดอลลาร์มีโอกาสย่อตัวลงได้บ้าง แต่เงินดอลลาร์ยังพอมีแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย หากตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) มากขึ้น
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.30-35.80 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ฝั่งสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักและเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด จะทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาด หรือ แย่กว่าคาด สามารถส่งผลต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของเฟดได้
ฝั่งยุโรป – ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะประธาน ECB รวมถึงรอวิเคราะห์รายงานการประชุม ECB ล่าสุด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของ ECB ท่ามกลางแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อสูง ขณะที่ภาพเศรษฐกิจเริ่มชะลอลงมากขึ้น ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มประเมินว่า ECB อาจจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยคล้ายกับเฟด
ฝั่งเอเชีย – ตลาดประเมินว่า ปัญหาเงินเฟ้อสูง ท่ามกลางแนวโน้มการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยให้บรรดาธนาคารกลางในเอเชีย ยกเว้น จีน สามารถทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้
ซึ่งในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนขยาย เริ่มใช้สิทธิที่พัก 8 ก.ค.นี้
โควิดวันนี้ (4ก.ค.65) ยอดติดเชื้อลดฮวบไม่ถึง 4 พันราย ดับ 18 ราย