"เงินบาทแข็งค่าขึ้น" จากสัปดาห์ก่อนหน้า
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากสัปดาห์ก่อนหน้า
สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดยังเชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ได้ในการประชุมเดือนกรกฎาคม ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านรายงานเงินเฟ้อ CPI และเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะกลาง เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
“เงินบาทไทย” อ่อนแค่ไหน? ในภูมิภาคเอเชีย
คลายล็อก เปิดประเทศ บาทอ่อน หนุนราคาสินค้าเกษตร
แนวโน้มของค่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.20-36.30 บาทต่อดอลลาร์ได้ หากเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น โดยต้องระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงรับรู้รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ
การอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอด้วยแรงขายของผู้ส่งออกที่ต่างรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่า รวมถึงแรงซื้อ Buy on Dip หุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ และธุรกรรมขายทำกำไรการรีบาวด์ราคาทองคำ
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เราประเมินว่า หากเงินเฟ้อสหรัฐฯ และเงินเฟ้อคาดการณ์พุ่งขึ้นสูงกว่าคาดไปมาก ทำให้ตลาดมองเฟดอาจจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงได้ ซึ่งภาพดังกล่าวอาจหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ หากภาพเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ ทั้งจีนหรือยุโรปออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนุนเงินดอลลาร์ได้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.70-36.30 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-35.90 บาท/ดอลลาร์
SCBX อยู่ระหว่างพิจารณาทางเลือก ขาย “บลจ.ไทยพาณิชย์” 5.4 หมื่นล้านบาท
น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม เนื้อหมู ดันเงินเฟ้อ มิ.ย. 65 แตะร้อยละ 7.66
ฝั่งสหรัฐฯ : ไฮไลท์สำคัญของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่รายงานเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายน ซึ่งตลาดมองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI จะยังปรับตัวขึ้นสู่ระดับที่สูงถึง 8.8% ทำให้เฟดยังคงจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยราว 0.75% ในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้
ฝั่งยุโรป : ปัญหาเงินเฟ้อสูง พร้อมกับภาพเศรษฐกิจที่ชะลอลงมากขึ้น ทำให้บรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันต่างมีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป เช่น เยอรมนี แย่ลงมากขึ้น สะท้อนผ่านผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) เดือนกรกฎาคมที่จะปรับตัวลดลงหนักสู่ระดับ -38 จุด จาก -28 จุด ในเดือนก่อนหน้า มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลงหนักจะยังเป็นแรงกดดันต่อสินทรัพย์ในฝั่งยุโรป อาทิ ตลาดหุ้นยุโรป และค่าเงินยูโร (EUR) ในระยะนี้ได้
ฝั่งเอเชีย : ตลาดประเมินว่า ปัญหาเงินเฟ้อสูงและการอ่อนค่าต่อเนื่องของค่าเงิน ท่ามกลางแนวโน้มการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยให้บรรดาธนาคารกลางในเอเชียอาจเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.50% เช่นเดียวกันกับธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ที่จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง 0.50% สู่ระดับ 2.25% หลังเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางอาจเริ่มชะลอลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ หากเงินเฟ้อเริ่มชะลอลงและเศรษฐกิจหลักส่งสัญญาณชะลอตัวลงหนักชัดเจนขึ้น ส่วนในภาพเศรษฐกิจนั้น ตลาดมองว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นในเดือนมิถุนายนจากอานิสงส์ของการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางการจีน
ที่มา : Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย
สำรวจ "ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย" ธุรกิจใดกระทบมากที่สุด
โควิดวันนี้ (11ก.ค.65) ดับเพิ่ม 24 ราย ปอดอักเสบไม่ลด เฉียด 800 ราย