“บาทอ่อนจากเมื่อวานเล็กน้อย” เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.12 บาท/ดอลลาร์
“บาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย” เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.12 บาท/ดอลลาร์ ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งจีน-สหรัฐฯ ปรับลงต่อเนื่อง
แนวโน้มค่าเงินบาท ในภาวะตลาดการเงินที่กลับมาระมัดระวังตัวมากขึ้น อาจกดดันให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง โดยเฉพาะในกรณีที่ นักลงทุนต่างชาติบางส่วนทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของหุ้นไทยบ้าง
"เปิดวาระ ครม." 2 ส.ค.65 คืบหน้ากรณีพิพาทเหมืองทองอัครา
กรุงศรีคาดสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 36.00-36.60 จับตาการจ้างงานสหรัฐฯ
มองว่าเงินบาทจะไม่ได้อ่อนค่าไปมาก เพราะเงินดอลลาร์ก็ขาดปัจจัยหนุนที่จะกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.20 บาท/ดอลลาร์
ในระยะสั้นนี้ โซนแนวรับสำคัญของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเห็นผู้นำเข้าบางส่วน รวมถึง บริษัท MNC ญี่ปุ่นทยอยเข้ามาซื้อเงินดอลลาร์หรือเงินเยนญี่ปุ่นบ้างในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้ส่งออกยังไม่รีบกลับมาขายเงินดอลลาร์และส่วนใหญ่ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วง 36.40 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้โซนดังกล่าวพอจะเป็นแนวต้านในช่วงนี้ได้
ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง แนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย เช่น Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นในตลาดยังคงไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจหลักอาจชะลอตัวลงมากขึ้นของทั้งสหรัฐฯ และจีน
ทองวันนี้ขึ้นราคา 150 บาท ดอลลาร์อ่อน จีน-สหรัฐตึงเครียด
ซึ่งแนวโน้มการชะลอตัวของภาคการผลิตดังกล่าวยังได้ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนกังวลว่าความต้องการใช้พลังงานอาจลดลงตาม กดดันให้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเกือบ -5% และยังส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานต่างปรับตัวลดลง โดยในฝั่งสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.28% ตามแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานด้วยเช่นกัน (Exxon Mobil -2.5%, Chevron -2.0%)
ฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.19% ท่ามกลางแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Equinor -2.9%, BP -1.9%) รวมถึงความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลงหนัก หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด อย่าง ยอดค้าปลีกของเยอรมนี (Retail Sales) ในเดือนมิถุนายน หดตัวถึง -1.6% จากเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวราว +0.2%
ตลาดบอนด์ ภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาดท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการชะลอตัวลงหนักของบรรดาเศรษฐกิจหลัก รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่าเฟดจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 2.57% ซึ่งเราคาดว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสกลับมาผันผวนและปรับตัวขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะในช่วงใกล้รายงานข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ของสหรัฐฯ เนื่องจากเฟดได้ย้ำชัดเจนว่า เงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจนโยบายการเงิน ซึ่งหากเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอลงชัดเจนหรือเร่งตัวขึ้น เฟดก็อาจไม่สามารถชะลอการขึ้นดอกเบี้ยได้
ตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก แต่แม้ว่าเงินดอลลาร์รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงมาบ้าง และช่วยหนุนให้ราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือระดับ 1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ผู้เล่นในตลาดต่างก็ทยอยเข้ามาขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำบ้าง ทำให้ราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านได้
ตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ โดยจะเริ่มจาก ยอดเปิดรับงานใหม่ (Job Openings) ที่ตลาดคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงราว 11 ล้านตำแหน่ง และมากกว่าจำนวนผู้ว่างงานเกือบ 1.9 เท่า สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ตึงตัวมาก นอกจากนี้ ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการปรับนโยบายการเงิน หลังจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงชัดเจนมากขึ้น
ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะตัดสินใจเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 1.85% เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ
ที่มา : นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย
ปตท.ยุติเหมืองถ่านหิน ขายธุรกิจในอินโดฯ รับทรัพย์ 1.7 หมื่นล้าน
Toyota Fortuner ใหม่ เพิ่มรุ่นย่อย-รุ่น 60 ปี ปรับราคาเพิ่ม 2 หมื่นบาท