"เงินบาทแข็งค่าระยะสั้น" จากดัชนีดอลลาร์ย่อตัวลง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 38.05 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.23 บาทต่อดอลลาร์
แนวโน้มค่าเงินบาท
แบงก์ชาติ เร่งธนาคารพาณิชย์ พัฒนาระบบยืนยันตัวตนแบบอื่น หลังฝากเงินตู้ต้องใช้บัตร
“ตราสารเงินกองทุนกรุงศรี” ดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี จ่อขายนักลงทุนสถาบัน-รายใหญ่
ยังมีโอกาสที่จะกลับมาอ่อนค่าลงได้อีก แม้จะชะลอลงบ้างจากการที่ตลาดเปิดรับความเสี่ยงรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของบรรดาบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะ Bank of America และการตัดสินใจยกเลิกแผนการปรับลดภาษีที่ได้ประกาศก่อนหน้าของรัฐบาลอังกฤษ แต่หากตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยงและเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
การแข็งค่าของเงินบาทวันนี้อาจมีอยู่อย่างจำกัดในระยะสั้น ยังไม่สามารถแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 37.70-37.80 บาทต่อดอลลาร์ไปได้
เนื่องจากปัจจัยหนุนเงินดอลลาร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนัก
นอกจากนี้ การย่อตัวลงของราคาทองคำใกล้โซนแนวรับ ก็อาจหนุนให้มีโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง
จับตาปัจจัยกดดันต่างชาติขายสินทรัพย์ไทยทำ "บาทอ่อน"
อีกปัจจัยที่ควรจับตามองในช่วงนี้ คือ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิสินทรัพย์ไทย และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทผันผวนในฝั่งอ่อนค่า ซึ่งหากแรงขายหุ้นไทยอาจเริ่มชะลอลงได้บ้าง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ในช่วงนี้ แต่จะต้องเห็นการ กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติก่อน ถึงจะเริ่มเห็นแนวโน้มการกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจนของเงินบาทได้
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.90-38.15 บาท/ดอลลาร์
ตลาดต่างประเทศ
ฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของ Bank of America ได้ช่วยหนุนให้บรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวขึ้น
แนวโน้มบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.00% ไปได้ไกล ก็ช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างกลับเข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เพื่อลุ้นผลประกอบการที่จะทยอยประกาศ ทำให้หุ้นเทคฯ ใหญ่ต่างปรับตัวขึ้น
ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นกว่า +1.83% หลังรัฐบาลอังกฤษตัดสินใจยกเลิกแผนการปรับลดภาษีที่ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินก่อนหน้า หนุนให้ผู้เล่นในตลาดกล้ากลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมต่างปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า
ตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ต่างมองว่า เฟดอาจจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ได้ช่วยหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 4.00%
ตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 112 จุด กดดันโดยภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ทำให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยลดการถือครองเงินดอลลาร์ลงบ้าง
ติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีน
ตลาดประเมินว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 3 จะขยายตัวราว +3.4% ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการลงทุนจากภาครัฐ ในขณะที่การบริโภคโดยรวมยังคงซบเซาจากผลกระทบของนโยบาย Zero COVID และปัญหาหนี้อสังหาฯ ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจเดือนกันยายนอาจยังสะท้อนการชะลอตัวลงต่อเนื่องของภาคการบริการและการบริโภคจากผลกระทบของมาตรการ Zero COVID
ด้าน กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 37.90-38.20บาท/ดอลลาร์
โดยค่าเงินบาทกลับมาปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากการย่อตัวลงของดัชนีดอลลาร์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกจากผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่ประกาศออกมาดีเกินคาด ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น รับข่าวรัฐบาลอังกฤษตัดสินใจยกเลิกมาตรการปรับลดภาษีที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เป็นผลพวงให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง