คืนนี้ เฟด ประชุมขึ้นดอกเบี้ย คาด +0.75% จับตาตลาดหุ้นอาจผันผวน
คืนนี้นักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก +0.75% แต่ตลาดซึบซับมาระยะหนึ่งแล้ว อาจสร้างความผันผวนตลาดทุนไม่มากนัก ด้านตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยหนุนรอบด้าน รวมถึงเงินทุนจากต่างชาติที่ยังไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง
เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด คาด เฟด ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ปีหน้าเตรียมรับมือ ศก.ถดถอย
ลงทุนตราสารหนี้ ให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้น เหตุเศรษฐกิจโลกยังเสี่ยง
ราคาทองวันนี้ "ลดลงทีเดียว 100 บาท" ต่างประเทศปรับขึ้นในกรอบจำกัด
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS) เปิดรายงานบทวิเคราะห์ระบุว่า เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.65) ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังผันผวนในกรอบแคบราว +0.3% ถึง -0.9% หลังประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจชุดสุดท้าย โดยแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น พร้อมกับรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด (Fed) ในคืนวันนี้ 2 พ.ย. 65 (ราวตี 1)
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ ISM ในเดือน ต.ค. อยูที่ระดับ 50.2 จุด สูงกว่าคาดที่ 49.9 จุด หดตัวจากเดือน ก.ย. ที่ระดับ 50.9 จุด
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ แม้จะปรับตัวลดลง แต่ยังคงขยายตัวได้
• ตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings) ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นแรงอยู่ที่ 10.7 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ 10 ล้านตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขในเดือนส.ค. อยู่ที่ 10.3 ล้านตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนอุปสงค์ตลาดแรงงานในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นอาจเป็นปัจจัยหนุนให้เงินเฟ้อดีดตัวสูงขึ้น เนื่องจากพนักงานจะมีอำนาจต่อรองขอขึ้นค่าแรง
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินว่า เฟด จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ในการประชุมวันนี้ โดยตลาดรับรู้มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.ย. ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ในการประชุมครั้งที่ 8 ในวันที่ 14 ธ.ค. 65 ตลาดเริ่มรับรู้มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ต.ค. ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวถูกซึมซับได้ระยะหนึ่งแล้ว คาดจะทำให้นัยฯต่อความผันผวนในตลาดหุ้นมีไม่มากนัก
สำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ ยังคงเป็นประเด็นที่น่าจับตามมองว่าจะอยู่ที่ 0.5% หรือ 0.75% แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมองภาพยาวไปถึงปี 2566 ก็จะพบว่าเพดานการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถูกจำกัดอยู่ที่บริเวณ 5 – 5.25% ซึ่งมีช่องว่างจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันไม่มาก
ด้านตลาดหุ้นไทยยังมีแรงพยุง และหนุนเดินหน้าต่อในช่วงนี้ด้วยปัจจัยต่าง ๆ คือ
1. การขึ้นดอกเบี้ยของ เฟด มีแนวโน้มชะลอลง แม้ตลาดหุ้นอาจผันผวนบ้าง เนื่องจากนักลงทุนรอผลการประชุมในคืนนี้ แต่ตลาดรับรู้แล้ว และได้คาดว่า เฟด จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% รอบนี้มาแล้วกว่า 1.5 เดือน ขณะที่การประชุมเดือน ธ.ค. เป็นแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยลดลงจาก 0.75% มาเป็น 0.5% มากขึ้น ส่งผลให้ดอกเบี้ยปลายปีอยู่ที่ 4.5% รวมถึงกรอบการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าถูกจำกัดไว้ที่ 5%
2. หุ้นจีนรีบาวน์กลับแรงเมื่อวานนี้ (ดัชนีHang Seng +5.2%) โดยเฉพาะหุ้นคาซิโนร้านอาหารจีนขึ้นแรง อาทิ Sands China +11.5%, Haidilao +13% โดยแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกับประเด็นโควิดในจีนน้อยลง
อีกทั้งผู้ติดเชื้อโควิดในจีนปัจจุบันเพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 2,000 – 3,000 รายต่อวัน แต่ก็ห่างกับช่วงกลางปีที่ระดับ 30,000 รายต่อวัน ถือเป็นหนึ่งแรงหนุนหุ้นไทยที่มีสัดส่วนรายได้จากจีนและความ คาดหวังเศรษฐกิจจีนฟื้น อย่าง SCGP CBG SCC รวมถึงหุ้นท่องเที่ยว AOT, CENTEL และ ERW
3. แนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนี่อง โดยต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยวานนี้ 6.8 พันล้านบาท ซื้อต่อเนื่อง 8 วันทำการรวม 2.28 หมื่นล้านบาท พร้อมกับซื้อสุทธิสัญญา SET50 Futures รวม 3.2 หมื่นสัญญา สะสม 10 วันทำการ สูงถึง 1.91 แสนสัญญา