กนง.คาดมีความเสี่ยงเงินเฟ้อสูง "นานกว่าคาด" แต่จะทยอยขึ้นดอกเบี้ย
กนง.รายงานการประชุมครั้งล่าสุด "ฉบับย่อ" ประเมินระดับเงินเฟ้อสูง "นานกว่าคาดการณ์ไว้" จากอุปสงค์-ต้นทุนเพิ่ม ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมรายงานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (ฉบับย่อ) ครั้งที่ 1/2566
วันที่ 20 และ 25 มกราคม 2566 โดยประเมินว่าเศรษบกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง แต่มีความเสี่ยงเงินเฟ้อระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ และพร้อมปรับขนาดและช่วงเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามสถานการณ์
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังเห็นว่าการททอยขึ้นดอกเบี้ยมีความเหมาะสม
กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ชี้แนวโน้มเงินเฟ้อทรงตัวระดับสูง
คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยแตะ 2% ในครึ่งปีแรก จากเงินเฟ้อสูงกว่าเป้า
กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปีจากร้อยละ 1.25 เป็นร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยกนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนได้รับแรงส่งต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่การส่งออกสินค้าชะลอตัวในปีนี้ แต่จะกลับมาขยายตัวดีขึ้นในปี 2567 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลงแต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง และมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์และการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น ด้านระบบการเงินโดยรวมยังมีเสถียรภาพ แต่ผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางและอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น จึงเห็นว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินที่สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปีในการประชุมครั้งนี้
กนง.เห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยประเมินว่าระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นตาม
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ฐานะการเงินของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางและอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น จึงเห็นควรให้ดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง
กนง.ประเมินว่าภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลง ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการสิ้นสุดมาตรการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF fee) แต่ปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ยังขยายตัว
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. ปรับแข็งค่าขึ้นตามการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอัตราที่ชะลอลง และการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางของจีนที่จะส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวไทย คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินและความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด
ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้อจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยพร้อมที่จะปรับขนาดและเงื่อนเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้