เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า จากแรงเทขายทำกำไร แต่แนวโน้มอ่อนค่า
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่า” จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.34 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบวันนี้ที่ระดับ 35.15-35.40 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากแรงขายทำกำไรหลังเงินบาทได้อ่อนค่าแรงในช่วงวันก่อนหน้าจนแตะระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์
แม้เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทำให้เงินบาทจะยังคงไม่กลับตัวมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างชัดเจนและยังคงแกว่งตัว
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนในช่วงวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะปรับตัวลดลง โดย ดัชนี S&P500 ย่อตัวลง -0.30% กดดันโดยความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ทำให้บรรดาหุ้นขนาดใหญ่ของดัชนี S&P500 ยังคงแกว่งตัว sideways หรือย่อตัวลงเล็กน้อย อาทิ Nvidia -1.2%, Apple -0.3%, Amazon +0.5%
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 กลับมาย่อตัวลง -0.32% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ในฝั่งฝรั่งเศสและสเปนต่างเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 6.2% และ 6.1% ตามลำดับ เพิ่มโอกาสที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนโดยรวมยังคงอยู่ในระดับสูงมากในช่วงนี้ ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า ECB อาจเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Deposit Facility Rate จนแตะระดับราว 3.80% (ระดับล่าสุด 2.50%) ได้ในช่วงสิ้นปี
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวผันผวน sideways โดยมีบางช่วงที่ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 3.97% อีกครั้ง ทว่าภาพรวมตลาดการเงินที่ยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง รวมถึงแรงซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะย่อตัวได้มีส่วนทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.94% สอดคล้องกับมุมมองของเรา ที่คงมองว่า จังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้น จะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ (Buy on Dip)
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ฝรั่งเศสและสเปนออกมาสูงกว่าคาด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมารีบาวด์ขึ้นและกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวน โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 105 จุด อีกครั้ง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งในภาคการผลิตและภาคการบริการมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ระดับ 50.2 จุด และ 53.5 จุด ตามลำดับ
นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) เดือนกุมภาพันธ์ โดยตลาดมองว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตอาจปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ 48 จุด แต่ยังคงสะท้อนสภาวะหดตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแรงกดดันเงินเฟ้อผ่านดัชนีด้านราคาในรายงานดัชนี PMI รวมถึงภาวะการจ้างงานในภาคการผลิตจากดัชนีด้านการจ้างงานในรายงานดัชนี PMI