ธนาคารกรุงไทย ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-ดอกเบี้ยเงินกู้ มีผล 6 มิ.ย. นี้
กรุงไทย ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.25% และปรับดอกเบี้ยเงินกู้ 0.20% สนับสนุนลูกค้าปรับตัวแก้หนี้อย่างยั่งยืน สอดคล้องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย โดยตระหนักถึงการดูแลผู้ฝากเงิน พร้อมยังคงสนับสนุนและดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME และครัวเรือนที่อ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น เพื่อให้เวลาลูกค้าปรับตัว และสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ
กสิกรไทยประกาศ "ขึ้นดอกเบี้ย" เงินฝาก-เงินกู้ มีผล 6 มิ.ย.เป็นต้นไป
ธ.กรุงเทพ ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% เงินกู้ 0.20% มีผล 2 มิ.ย.
ธนาคารประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.05-0.25 % ต่อปี เพื่อส่งเสริมการออม ให้ผู้ฝากเงินมีรายได้เพิ่มขึ้นในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เพิ่มขึ้น 0.20% ต่อปี เป็น 6.80% ต่อปี ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เพิ่มขึ้น 0.20 % ต่อปี เป็น 7.27% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) 0.20% ต่อปี เป็น 7.320 %ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ธนาคารยืนหยัดดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม โดยกลุ่มผู้ประกอบการ SME และกลุ่มลูกค้าที่อ่อนไหวต่อภาระหนี้และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมสนับสนุนให้เกิดการเร่งปรับตัวอย่างต่อเนื่อง รองรับการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ จากปัจจัยความท้าทายรอบด้าน เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ผ่านมาตรการความช่วยเหลือแบบเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือแบบตรงจุดและทันท่วงที และมาตรการช่วยเหลือพิเศษเพื่อแก้หนี้อย่างยั่งยืน สำหรับลูกค้าประเภทบุคคลและลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ผ่านเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อลดภาระการผ่อนชำระ สามารถพิจารณาลดภาระดอกเบี้ยและเงินต้นได้ โดยการพิจารณาตามความเหมาะสมและจำเป็นสำหรับลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด สนับสนุนแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ที่สะท้อนกับความสามารถในการชำระหนี้และความเสี่ยงของลูกค้า