กลุ่มแบงก์รับประโยชน์เต็ม ๆ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ส่องคาดการณ์กำไรปี 66

ดอกเบี้ยขาขึ้นยังไม่สิ้นสุด ลุ้น กนง.ไปต่อสู่ระดับ 2.25% ช่วงปลายปี

กสิกรไทยประกาศ "ขึ้นดอกเบี้ย" เงินฝาก-เงินกู้ มีผล 6 มิ.ย.เป็นต้นไป

ภายหลัง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย  0.25% สู่ระดับ 2.00% ซึ้งเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว หนุนด้วยภาคการท่องเที่ยว

บล.เอเซียพลัส มองว่า กนง.จะยังคงไม่หยุดปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน (Core CPI) เดือน เม.ย. 66 ยังอยู่ในระดับสูง +1.7% และ กนง.ประเมินว่าในปี 2566-67 เงินเฟ้อพื้นฐาน จะอยู่ที่ +2.0%

ทำให้บ่งชี้ว่าวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้จะอยู่ที่ 2.25% - 2.50% ซึ่ง กนง.จะมีการประชุมครั้งต่อไปอีกในเดือน ส.ค.  ก.ย.  และ พ.ย.

ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลบวกต่อรายได้ดอกเบี้ยรับ (NII) ทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้ประโยชน์ จากการที่มีรายได้ดอกเบี้ยรับคิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม

 

โดย บล.เอเซียพลัส คาดการณ์ว่ารายได้ดอกเบี้ยรับของกลุ่มธนาคารฯ ไตรมาส 2 ปี 66 จะขยายตัวทั้งรายไตรมาส (QoQ) และรายปี (YoY) จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อ M-Rate ช่วง เม.ย.66 และมิ.ย. 66 รวมถึงจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 3 ปี 66

"สำหรับการปรับเพิ่มของอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ คาดเห็นการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยของกลุ่มฯ ให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในลำดับถัดไป ผสานกับ การเพิ่ม M-Rate ช่วง เม.ย. 66 ประเมินเป็นแรงส่งต่อรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิงวด 2Q66 และต่อเนื่อง 3Q66 โดยเฉพาะ ธ.พ. ใหญ่ ภาพรวมผลักดันกำไรสุทธิกลุ่มฯ 2Q – 3Q66 ขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY"

ทั้งนี้ กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ บล.เอเซียพลัส ประมาณการปี 66 ตามเดิมที่  2.1 แสนล้านบาท เติบโต 8% YoY จากรายได้ดอกเบี้ยรับเป็นหลัก เนื่องจากไตรมาสที่ 4 ปี 66 เป็นช่วงที่กำไรมีแนวโน้มอ่อนตัว จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (OPEX) ตามฤดูกาล และต้นทุนความเสี่ยงของสินเชื่อ (credit cost) จากการเคลียร์งบดุล (Clean up balance sheet) ผ่านการตัดจำหน่าย หรือ หรือขายหนี้เสีย (NPL)  เพื่อเตรียมรองรับหนี้เสียใหม่ในปีถัดไป เนื่องจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้จะสิ้นสุดลงช่วงสิ้นปี 2566