ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.07 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 36.07 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) สหรัฐฯ ม.ค.แย่กว่าที่ตลาดคาด
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.07 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.18 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้า
ราคาทองวันนี้ (16 ก.พ.2567) เปิดตลาด"ขึ้น 50 บาท" ฟื้นตัวระยะสั้น
ตั้งอนุฯตรวจสอบเงินดิจิทัล 10,000 บาท "เศรษฐา" ขีดเส้น 30 วันได้ข้อสรุป
โดยค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.03-36.18 บาทต่อดอลลาร์) ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) สหรัฐฯ ในเดือนมกราคม หดตัว -0.8%m/m แย่กว่าที่ตลาดคาดพอสมควร

นอกจากนี้ การย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้หนุนให้ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นใกล้โซนแนวต้านระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
แนวโน้มของค่าเงินบาท
ประเมินว่าโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทแม้ยังคงมีอยู่ แต่ก็เริ่มแผ่วลงบ้าง ทำให้โดยรวมเงินบาทอาจยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ และอาจยังไม่อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 36.20-36.30 บาทต่อดอลลาร์
และมองว่านอกจากทิศทางเงินดอลลาร์ ผู้เล่นในตลาดควรจับตาทิศทางราคาทองคำ และฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะมีผลกับทิศทางเงินบาทได้ในระยะสั้น โดยเราประเมินว่า ราคาทองคำอาจเริ่มอยู่ในช่วงสร้างฐานราคา หลังปรับตัวลงแรงก่อนหน้า ทำให้ยังพอมีโอกาสได้ลุ้นการรีบาวด์ของราคาทองคำ ซึ่งจะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง
ขณะเดียวกัน หากบรรยากาศในตลาดการเงินเอเชียยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงก็อาจช่วยชะลอแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติได้บ้าง
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่รีบกลับเข้าซื้อหุ้นไทย เพราะในช่วงนี้ หุ้นขนาดเล็ก-กลาง เป็นกลุ่มที่กำลังทำผลงานได้ดี ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ ยังไม่ได้มีการรีบาวด์ขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนจากผลตอบแทนที่แตกต่างของดัชนี SSET หรือ MAI เทียบกับ ดัชนี SET50
ในเชิงเทคนิคัล หากเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าต่อ และพลิกกลับมาย่อตัวลง จนแกว่งตัวแถว 36.00 บาทต่อดอลลาร์ เรามองว่า เงินบาทก็จะเริ่มมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หรือ อย่างน้อยก็แกว่งตัว sideways ตามสัญญาณ อาทิ Shooting star pattern, Bearish Divergence บน RSI เป็นต้น ซึ่งหากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้จริง ก็อาจเผชิญแนวรับแถว 35.80 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับในระยะสั้น
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.20 บาท/ดอลลาร์

ด้าน ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 36.13 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 36.20 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทผันผวนและกลับมาเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาด ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.และหากเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.65% หลังจากพุ่งขึ้น 5.3% ในเดือน ธ.ค.
ประกอบกับการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกได้ออกมาแถลงว่า เป้าหมายของเฟดในการทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% ยังคงมีความเป็นไปได้ แม้ว่าเงินเฟ้ออาจพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในช่วงหลายเดือนข้างหน้าก็ตาม เป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดกลับมาคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ อีกครั้ง
Fund flow เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 2,128 ล้านบาท และขายหุ้นไทยสุทธิ1,341 ล้านบาท.
- กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
- USD/THB 36.00- 36.25
- *แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 36.00
- EUR/THB 38.70- 39.00
- * แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 39.00
- JPY/THB 0.2390- 0.2430
- * แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2390
- GBP/THB 45.30-45.70
- AUD/THB 23.30- 23.70
ตรวจหวยงวดนี้ - ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ลอตเตอรี่ 16/2/67
ตรวจผลออกรางวัลสลากออมสินพิเศษ 1 ปี งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567
รู้จัก สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 คนนับหมื่นแห่เก็บภาพก่อนเปิดใช้จริง