ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 36.57 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.57 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ซึงอยู่ที่ระดับ 36.69 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้เปิดที่ระดับ 36.57 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า
ตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.56-36.73 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องราว +20 ดอลลาร์ จากรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP สหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ที่ลดลงต่อเนื่องและออกมาแย่กว่าคาด
นอกจากนี้ ดัชนีย่อยการจ้างงาน (Employment) ในภาคการบริการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ เดือนพฤษภาคม ก็ยังอยู่ในระดับ 47.1 จุด สะท้อนถึงภาวะการจ้างงานที่หดตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดมีโอกาสถึง 94% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ (จาก CME FedWatch Tool) อย่างไรก็ดี เงินบาทก็ไม่ได้แข็งค่ามาก เนื่องจากเงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.8 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้พอสมควร
แนวโน้มค่าเงินบาทเราประเมินว่า ภาพตลาดการเงินที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อาจช่วยชะลอแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติได้บ้าง ทำให้แรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าอาจลดลงบ้าง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถแข็งค่าไปได้มากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง โดยเฉพาะในช่วงโซน 36.40-36.50 บาทต่อดอลลาร์ อีกทั้งต้องระวังความผันผวนจากข่าวการเมืองในประเทศ (ซึ่งรวมถึงข่าวที่สะท้อนถึงความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการดำเนินนโยบายการเงิน)
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB โดยปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน คือ มุมมองของ ECB ต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย ว่า ECB จะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องได้หรือไม่ ซึ่งหาก ECB ส่งสัญญาณชัดเจน ว่ามีโอกาสจะลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง หรือมากกว่า ก็อาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) ผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง
ในทางกลับกัน หาก ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะทยอยลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง และการลดดอกเบี้ยจะขึ้นกับการประเมินภาพเศรษฐกิจในช่วงการประชุมนั้นๆ เราคาดว่า เงินยูโร (EUR) ก็อาจแกว่งตัว sideways หรือแข็งค่าขึ้นบ้าง เพราะอย่างน้อย การลดดอกเบี้ยของ ECB ที่อาจเกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้ ก็เป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดได้รับรู้ไปแล้ว (fully priced-in) ทำให้ประเด็นสำคัญ คือ แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายหลังจากการประชุมในครั้งนี้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.45-36.75 บาท/ดอลลาร์
ด้านฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า
*ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด อยู่ที่ 36.60 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 36.72 บาท/ดอลลาร์
*ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามการปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเที่อ่อนแอ ขณะที่ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลงสู่ระดับ 8.06 ล้านตำแหน่งในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี และเป็นสัญญาณของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอาจเป็นปัจจัยหนุนการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ
*ตลาดจับตาผลการประชุม ECB ในคืนวันนี้ ซึ่งถูกคาดการว่าจะมีการลดดอกเบี้ยครั้งแรกรอบ 5 ปี โดยจะเป็นการลดดอกเบี้ยก่อนธนาคารกลางสหรัฐ และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน พ.ค.ในคืนวันศุกร์
*ปิดตลาดเมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 1,900 ล้านบาท และขายหุ้นไทยสุทธิ 120 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 36.50- 36.80
แนะนำ ทยอยซื้อที่ 36.50/ ขาย 36.75
EUR/THB 39.70- 40.20
แนะนำ ซื้อ 39.70/ ขาย 40.20
JPY/THB 0.2330- 0.2380
แนะนำ ซื้อ 0.2330/ ขาย 0.2380
GBP/THB 46.60- 47.00
AUD/THB 24.20- 24.50
7 มิ.ย.67! กฟน.ประกาศ “ดับไฟ” 4 พื้นที่ กทม.-สมุทรปราการ
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB