เงินบาทยังแข็งค่า ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้น รับอานิสงส์เฟดลดดอกเบี้ย
เงินบาทยังแข็งค่า ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้น รับอานิสงส์เฟดลดดอกเบี้ย กสิกรไทย มองกรอบสัปดาห์หน้า 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกร ระบุว่า เงินบาทแข็งค่าหลังวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้วในการประชุม FOMC วันที่17-18 ก.ย. ที่ผ่านมา แม้จะมีปัจจัยลบกดดันให้อ่อนค่าตามจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก แต่เงินบาทก็ยังคงเคลื่อนไหวเป็นกรอบ โดยมีแรงหนุนให้ทยอยแข็งค่าขึ้นเป็นระยะๆ ในช่วงก่อนการประชุมเฟด
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวได้เพียงช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ตามการปรับโพสิชั่นหลังการประชุม FOMC 17-18 ก.ย. ซึ่งเฟดมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% มาที่กรอบ 4.75-5.00%

โดยเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าและทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบกว่า19 เดือนครั้งใหม่ ที่ 33.03 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงปลายสัปดาห์
ขณะที่แรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงท่ามกลางมุมมองที่ประเมินว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม 17-18 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ Cycle การลดดอกเบี้ยและแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้ายังเป็นขาลงนอกจากนี้การแข็งค่ากลับมาของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกและสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 16-20 ก.ย. 2567 นั้นนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 5,865 ล้านบาทและมีสถานะอยู่ในฝั่ง NetInflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 9,976 ล้านบาท ( แบ่งเป็นซื้อสุทธิพันธบัตร 13,226 ล้านบาทหักตราสารหนี้หมดอายุ 3,250 ล้านบาท)
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 23-27 ก.ย. ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมิน ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- ทิศทางเงินทุนต่างชาติตัวเลขการส่งออกเดือน ส.ค. ของไทย
- สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญได้แก่ดัชนี PMI (เบื้องต้น) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสำหรับเดือน ก.ย.
- ยอดขายบ้านใหม่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายและอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE และ Core PCE เดือน ส.ค.
- ตัวเลขจีดีพีไตรมาส2/2567 (final)และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- ติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดและดัชนี PMI (เบื้องต้น) สำหรับเดือนก.ย. ของยูโรโซนอังกฤษและญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นท่ามกลางแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ
สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ รับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค ท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในรอบการประชุมเดือน ก.ย. ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเริ่มเปิดจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ก่อนจะแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่างรอติดตามผลการประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์อย่างใกล้ชิด
ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นอีกครั้งหลังการประชุมเฟดสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค เนื่องจากเฟดมีมติปรับลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ไปที่กรอบ 4.75-5.00% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในระยะข้างหน้านอกจากนี้ตลาดหุ้นในประเทศยังได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากความหวังว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี กรอบการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยเริ่มจำกัดในช่วงท้ายสัปดาห์หลังตอบรับปัจจัยบวกไปพอสมควร อนึ่ง หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับตัวขึ้นมากสุดในสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มแบงก์และวัสดุก่อสร้างปรับตัวลงสวนทางตลาดในภาพรวม
ในวันศุกร์ที่20ก.ย.2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ1,451.69 จุดเพิ่มขึ้น 1.92% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อนขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 61,479.97 ล้านบาทลดลง 5.94% จากสัปดาห์ก่อนส่วนดัชนีmai เพิ่มขึ้น2.10% มาปิดที่ระดับ 358.97จุด
สัปดาห์หน้า แนวรับที่1,440 และ1,420 จุดขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,465 และ1,475 จุดตามลำดับ
สัปดาห์ถัดไป (23-27ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่าดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่1,440 และ1,420 จุดขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,465 และ1,475 จุดตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค.ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ก.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน
ดัชนี PCE/Core PCE Price Index รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือน ส.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567(final) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ก.ย. ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น รวมถึงกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค.ของจีน