ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 33.73 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.73 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” กรุงไทย แนะ ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.73 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหว Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.63-33.76 บาทต่อดอลลาร์) ตามการเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ของทั้งเงินดอลลาร์และราคาทองคำ

โดยในช่วงแรก เงินดอลลาร์มีจังหวะย่อตัวลงบ้าง หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) หลังรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งแม้จะมีการลดดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ลง 25bps สู่ระดับ 2.50% ตามคาด ทว่า ECB ได้ส่งสัญญาณว่า การปรับลดดอกเบี้ยล่าสุด ได้ทำให้นโยบายการเงินมีความตึงตัวลดลงอย่างมาก (Meaningfully Less Restrictive) สะท้อนว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกไม่มากนัก อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็กลับมาทยอยแข็งค่าขึ้นได้ ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงินสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดต่างกังวลต่อความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ
แนวโน้มของค่าเงินบาท
ประเมินว่า ในช่วงระหว่างวัน เงินบาท (USDTHB) อาจแกว่งตัว Sideways ก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้ โดยโซนแนวรับของเงินบาทก็อาจอยู่ในช่วง 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้านของเงินบาทก็ดูจะติดอยู่แถว 33.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยจะมีโซนแนวต้านสำคัญถัดไปแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ (Nonfarm Payrolls) เนื่องจากสถิติในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนว่า เงินบาท (USDTHB) อาจแกว่งตัวได้ถึง +0.57%/-0.32% ในช่วง 30 นาที หลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว
โดยหากประเมินจากมุมมองของบรรดานักวิเคราะห์ในตลาด จะเห็นได้บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดการจ้างงานฯ ของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นราว +1.6 แสนตำแหน่ง แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่า ยอดการจ้างงานฯ อาจเพิ่มขึ้นต่ำกว่า +1 แสนตำแหน่ง ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดจะมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ และอีก 1 ครั้ง ในปีหน้า ไปเต็มที่แล้ว (Fully Priced-In) ทำให้ หากยอดการจ้างงานฯ ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หรือตามคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง ในปีนี้ ลงบ้าง หนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท แต่หากยอดการจ้างงานฯ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน เช่น เพิ่มขึ้น น้อยกว่า +1 แสนตำแหน่งไปมาก ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยิ่งกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเพิ่มโอกาสที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ หรืออาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 1 ครั้ง ในปีหน้า ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ไม่ยาก ซึ่งเงินบาทก็เสี่ยงแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.95 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ)
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.73 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.77 บาท/ดอลลาร์ โดยยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดิม 33.50-34.00 บาท/ดอลลาร์ และผันผวนระหว่างวัน
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก สวนทางการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการปรับขึ้นของราคาทอง ขณะที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อการทำสงครามการค้าของสหรัฐ แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้ตัดสินใจเลื่อนเวลาการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกออกไปอีก 1 เดือน
ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.0%
เมื่อวานนี้ สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,700 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 5,069 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 33.60- 34.00 แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.60/ ขาย 34.00
- EUR/THB 36.25- 36.65
- JPY/THB 0.2275- 0.2320
- GBP/THB 43.30- 43.70
- AUD/THB 21.20- 21.60