ติ่ง Gen Z เปย์อย่างมีสติ KTC แนะนำวางแผนการเงินไม่เครียด

การเป็นแฟนด้อมหรือ “การติ่ง” ไม่ใช่แค่เรื่องของความชอบส่วนตัวอีกต่อไป แต่กลายเป็นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคน Gen Z ซึ่งหลายคนใช้เงินไม่ต่างจากงานอดิเรกอื่น ๆ ตั้งแต่ซื้ออัลบั้มหลายเวอร์ชันเพื่อล่าการ์ดสุ่ม จองบัตรคอนเสิร์ตราคาหลักพันถึงหลักหมื่น บินตามศิลปินไปต่างประเทศ หรือจัดโปรเจ็กต์ป้ายวันเกิดทั่วกรุงเทพฯ

แต่ความสนุกของการติ่งอาจกลายเป็นปัญหาได้ หากใช้เงินแบบไม่วางแผน จึงทำให้หลายคนหมดเงินเดือนตั้งแต่ต้นเดือน หรือถึงขั้นมีหนี้จากการ “เปย์แบบไม่คิด”

ธนาคาร KTC เปิดเผยว่า การรู้จักตัวเองว่าเป็นติ่งแบบไหน จะช่วยให้วางแผนการเงินได้เหมาะสม โดยบางคนเป็นสายบินตามไอดอลข้ามประเทศ บางคนเน้นซัพพอร์ตแบบเงียบ ๆ หรือทำโปรเจ็กต์และซื้ออัลบั้มเพื่อเข้าฟานไซน์

อย่างไรก็ดี สำหรับการบริหารเงินอย่างชาญฉลาด KTC แนะนำให้จัดลำดับความสำคัญของชีวิต และแบ่งเงินตามสูตร 50/30/20 หรือ 60/20/20 ดังนี้

               •             50–60% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ที่อยู่อาศัย อาหาร ประกัน และหนี้

               •             20–30% สำหรับความสุขส่วนตัว รวมถึงงบติ่ง

               •             20% สำหรับเงินออม

อีกหนึ่งเทคนิคคือ การแยกบัญชีเปย์ออกจากบัญชีหลัก โอนเงินเข้าบัญชีนี้ตั้งแต่ต้นเดือน และใช้จ่ายเฉพาะจากบัญชีนี้ เพื่อควบคุมการใช้เงินได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ KTC ยังแนะนำวิธีออมเงินแบบสนุก เช่น Bias Saving Challenge เก็บเงิน 20–50 บาททุกครั้งที่ไอดอลลงรูป หรือ Comeback Countdown เก็บเงินทุกวันรอศิลปินคัมแบ็ก โดยวิธีนี้จะช่วยให้เก็บเงินโดยไม่เครียด และผูกอารมณ์กับสิ่งที่รักอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การซื้อสินค้าแฟนด้อมก็ควรมีแผนเพื่อให้คุ้มค่า เช่น รอโปรพรีออเดอร์ เปรียบเทียบราคา และใช้บัตรเครดิตที่ให้คะแนนสะสมหรือเครดิตเงินคืน เช่น บัตร KTC FOREVER ทุกการใช้จ่าย 25 บาทรับ 1 คะแนน สามารถแลกส่วนลดหรือผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน

ทั้งนี้ สำหรับติ่งที่อยากต่อยอดความสนใจให้เป็นรายได้ KTC ได้แนะนำให้ลองรับพรีออเดอร์สินค้า ขายแฟนอาร์ตหรือของแฮนด์เมด ทำคอนเทนต์ TikTok รีวิวอัลบั้ม หรือรับแต่งหน้าวันคอนเสิร์ต ก็อาจเป็นวิธีที่ช่วยสร้างรายได้เสริมที่มั่นคงเพิ่มขึ้นด้วย

KTC เน้นย้ำว่า การเปย์จะต้องมีแบบแผน อย่าซื้อเพราะกลัวของหมดหรือเพราะทุกคนซื้อ ให้เวลาตัวเอง 24 ชั่วโมงทบทวนก่อนกดสั่งซื้อ อาจทำให้ความอยากได้ลดน้อยลง หรือถ้างบไม่พอ ก็สามารถเลื่อนไปซื้อเดือนหน้าได้เช่นกัน ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ กับสิ่งที่รักได้ต่ โดยไม่กระทบการเงินส่วนตัว