หุ้นไทย (2 มี.ค.) ปิดการซื้อขาย ระดับ 1,503.36 จุด เพิ่มขึ้น 2.44 จุด
หุ้นไทย (2 มี.ค.) ปิดการซื้อขาย ระดับ 1,503.36 จุด เพิ่มขึ้น 2.44 จุด (+0.16%) มูลค่าการซื้อขายราว 88,903.05 ล้านบาท
นักธุรกิจต่างชาติ มองเศรษฐกิจไทยฟื้นครึ่งปีหลัง แนะรัฐบาลแก้ไขเสถียรภาพทางการเมือง
ททท.ดึงคนโสดเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้บวกเล็กน้อย จากคลายความกังวลหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) อ่อนตัวลงมาบ้าง แต่ช่วงสั้นตลาดฯยังมีโอกาสที่จะผันผวนตาม Bond yield
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราวันนี้จะเห็นได้ว่านักลงทุนยังไม่กล้าที่จะเข้าหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากยังไม่เห็นทิศทาง Fund Flow ชัดเจน ดังนั้น จึงหันมาเล่นหุ้นเกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ และเก็งกำไรหุ้นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะตัว อย่าง COM7, PTG, SAWAD หลังงบฯออกมาดี
แต่ทั้งนี้ มองผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบ้านเราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว มองตลาดเทรด P/E แพง แต่หลังจากที่งบฯไตรมาส 1/64 ออกมาก็จะทำให้ P/E ตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามมองว่าน่าจะแกว่งในกรอบ 1,450-1,550 จุด เนื่องจากช่วงสั้นยังไม่มีปัจจัยบวกเด่นชัด แนะติดตามการประชุมกลุ่มโอเปก 4 มี.ค.และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 16-17 มี.ค.นี้
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (3 มี.ค.) นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,500-1,510 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
STA มูลค่าการซื้อขาย 5,498.63 ล้านบาท ปิดที่ 48.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
OR มูลค่าการซื้อขาย 2,848.74 ล้านบาท ปิดที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
COM7 มูลค่าการซื้อขาย 2,739.43 ล้านบาท ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,245.07 ล้านบาท ปิดที่ 60.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,177.76 ล้านบาท ปิดที่ 39.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในแดนบวกได้ จากตลาดต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกในกรอบแคบ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯได้ลดระดับลงมาแกว่งแถว 1.4% จากช่วงก่อนหน้านี้แกว่งแถว 1.5-1.6% ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงในเอเชียพื้นตัวขึ้น
นักวิเคราะห์ แนะทยอยซื้อสะสม “ทองคำ” หลังราคาร่วงหนัก 450 บาท
ลุ้นรับเพิ่ม ขยายสิทธิ "เราชนะ" คลังชงครม.วันนี้ ลงทะเบียนแล้ว ทบทวนสิทธิด่วน ก่อนหมดเขต
นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากดัชนีชี้นำของสหรัฐฯที่ดีขึ้นด้วย โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งสู่ระดับ 60.8 ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.61
อย่างไรก็ดี ตลาดฯมีปัจจัยถ่วงจากกลุ่มพลังงาน หลังจากที่จะมีการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 3-4 มี.ค.นี้ ซึ่งต้องจับตาการพิจารณาเรื่องกำลังการผลิตน้ำมันจะออกมาอย่างไร พร้อมให้รอติดตามถ้อยแถลงประธานธนาคารกลางสหรัฐฯในช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบต่อไป โดยมีแนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,507-1,511 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
STA มูลค่าการซื้อขาย 3,441.89 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท ลดลง 3.25 บาท
OR มูลค่าการซื้อขาย 2,113.72 ล้านบาท ปิดที่ 29.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
COM7 มูลค่าการซื้อขาย 1,738.52 ล้านบาท ปิดที่ 56.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,252.26 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,231.17 ล้านบาท ปิดที่ 107.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะดีดตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก ตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นไปได้ดี หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่า
ราคาทองวันนี้ – 2 มี.ค. 64 เปิดตลาด ร่วงแรง 450 บาท
ราคาทองคำปรับฐาน เสี่ยงหลุดต่ำกว่า 25,000 บาท
ส่วนตลาดบ้านเราน่าจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 4/63 ที่ส่วนใหญ่จะออกมาดีกว่าคาด พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ ๆ ซึ่งก็มองว่าน่าจะส่งสัญญาณการฟื้นตัว
พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520 จุด
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.521 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2545 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8%
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งสู่ระดับ 60.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.9 จากระดับ 58.7 ในเดือนม.ค.
ด้าน บล.ไทยพาณิชย์ เผย หุ้นไทย ฟื้นตัวหากรอบบน 1510-1518 จุด แต่ภาพรวมยังเคลื่อนไหว sideways ในกรอบ 1482-1518 จุด
แนะนำกลยุทธ์การลงทุน
ดัชนีจะปรับขึ้นด้วยแรงหนุนการฟื้นตัวเด่นของตลาดหุ้นสหรัฐ จากเรื่องวัคซีน และ Yield พันธบัตรสหรัฐที่ปรับลง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใกล้ได้รับอนุมัติ หนุน SET ขึ้นหา กรอบบนบริเวณ 1510-1518 จุด อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังถูกจำกัด โดยทิศทางดอลลาร์ที่แข็งค่า กระตุ้นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และภาพรวมดัชนีเคลื่อนไหว sideways ในกรอบ 1482-1518 จุด กลยุทธ์พอร์ตหลัก รอเข้าซื้อเมื่อใกล้ 1450 จุด ส่วนการซื้อเก็งกำไรใช้แบบ Selective Buy ด้วยความระมัดระวัง
ล็อคเป้าลงทุน : รอเข้าซื้อเมื่อ SET ใกล้ 1450 จุด เลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่ laggard มี valuation น่าสนใจ ได้แก่
1) หุ้นกลุ่มธนาคารที่ได้ประโยชน์ bond yield ที่อยู่ในระดับสูง BBL
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองและฉีดวัคซีน CPALL HMPRO CENTEL MINT BDMS ส่วนพอร์ตเก็งกำไร selective buy ในหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ TWPC ส่วนหุ้นเกาะกระแสกัญชง IP DOD RBF เก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง
แนะนำ BDMS เตรียมขยายฐานลูกค้าประกันสุขภาพเอกชน และการเติบโตจากตลาดจีนหลังร่วมมือกับ Ping An Heath Insurance ขณะที่ราคาหุ้นยัง laggard; เก็งกำไร NRF เข้าลงทุนในธุรกิจกัญชงครบวงจร คาดเห็นพัฒนาการเชิงบวกใน 4Q64 และเก็งกำไร BANPU ราคาถ่านหินกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง
สถานการณ์ตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,535.51 จุด พุ่งขึ้น 603.14 จุด ( +1.95%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,901.82 จุด เพิ่มขึ้น 90.67 จุด (+2.38%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,588.83 จุด เพิ่มขึ้น 396.48 จุด (+3.01%)
ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 15.45 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 276.25 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 255.82 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 มี.ค.) ปิดที่ 60.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.4%
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มี.ค.) อยู่ที่ 2.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาท เปิด 30.22 แนวโน้มทรงตัวรอปัจจัยใหม่ แม้ดอลล์แข็งค่า ให้กรอบวันนี้ 30.15-30.30