หุ้นไทยวันนี้ (2 ก.ย.64) ปิดการซื้อขาย 1,647.75 จุด เพิ่มขึ้น +13.27 จุด
หุ้นไทยวันนี้ (2 ก.ย.64) ปิดการซื้อขาย 1,647.75 จุด เพิ่มขึ้น +13.27 จุด (+0.81%) มูลค่าการซื้อขาย 101,413.00 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
“ชะลอฟ้อง” ลูกหนี้ NPL จากโควิด 19 ในสินเชื่อ 4 ประเภท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 5,880.67 ล้านบาท ปิดที่ 726.00 บาท เพิ่มขึ้น 70.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,487.37 ล้านบาท ปิดที่ 64.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
CV มูลค่าการซื้อขาย 3,372.59 ล้านบาท ปิดที่ 3.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 3,048.65 ล้านบาท ปิดที่ 41.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,044.07 ล้านบาท ปิดที่ 188.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
นายชัยยศ จิวางกุร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดี จากแรงหนุนหุ้นในกลุ่มส่งออกหลังจากเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ขณะที่หุ้นร้อนแรงในกลุ่มนี้คือ DELTA ปรับขึ้นมาได้ดีและมีผลต่อตลาดฯราว 8 จุด ขณะที่ตัวอื่น ๆ ก็มีแรงซื้อเข้ามาช่วยหนุน ไม่ว่าจะเป็น HANA, KCE เป็นต้น อีกทั้งได้แรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มสื่อสารด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ส่วนตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้เปิดบวกเล็กน้อย ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯศุกร์นี้ เพราะมีผลต่อการพิจารณาการปรับลด QE ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการชุมนุมทางการเมือง และยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากรัฐคลายล็อกดาวน์ในวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) นายชัยยศ กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสผันผวน หลังจากวันนี้แรงซื้อของหุ้นในกลุ่มส่งออกผลักดันให้ดัชนีขึ้นมาได้ดี จึงมีโอกาสที่จะพักตัว
พร้อมให้แนวรับ 1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660 จุด
หุ้นไทยวันนี้ (2 ก.ย.64) ปิดการซื้อขายเช้า ระดับ 1,641.12 จุด เพิ่มขึ้น +6.64 จุด (+0.41) มูลค่าการซื้อขาย 54,308.63 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
เปิดข้อปฏิบัติสำหรับ"ร้านอาหาร" ตั้งแต่ 1 ต.ค.64 เป็นต้นไป
มีเพียง 9 ประเทศในโลกที่มีประชากรฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสเกิน 70%
CV มูลค่าการซื้อขาย 2,738.44 ล้านบาท ปิดที่ 4.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท
U มูลค่าการซื้อขาย 2,485.83 ล้านบาท ปิดที่ 1.49 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,470.74 ล้านบาท ปิดที่ 64.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,905.31 ล้านบาท ปิดที่ 190.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
MAKRO มูลค่าการซื้อขาย 1,871.02 ล้านบาท ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ชะลอตัวหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาหลายวัน คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย หลังจากที่ตอบรับปัจจัยบวกไปมากแล้ว ทั้งนี้ตลาดบ้านเราช่วงสั้นคงจะพักตัวก่อนหลังจากที่ตอบรับไปมากแล้วทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่ดูดีขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี ช่วงนี้อยู่ในช่วงเฝ้าระวังจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจะเป็นอย่างไรหลังจากที่ได้คลายล็อกดาวน์ในวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มเปิดเมืองได้ปรับขึ้นไปมากแล้วทำให้เริ่มถูกขายทำกำไรออกมาบ้าง และหันไปเล่นเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว อย่าง CPALL และ MAKRO ที่มีการปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม
สำหรับราคาน้ำมันที่ชะลอหลังจากที่สหรัฐฯกดดันกลุ่มโอเปกให้เพิ่มกำลังการผลิต และตอบรับเรื่องพายุเฮอริเคนในช่วงก่อนหน้านี้ไปแล้ว ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานชะลอตัวลงตั้งแต่เมื่อวานนี้ และเข้านี้ก็อยู่ในทิศทางที่ทรงตัว ส่วนหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่แย่ลงหลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้กระทบกำไรขาดทุนของกลุ่มส่งออก แต่มองว่ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในช่วงขาขึ้นชัดเจน จากที่ค่ายรถได้ปรับขยายการผลิต ทำให้ยังขาดแคลนชิ้นส่วนฯอยู่ ดังนั้นจึงมองโอกาสในการซื้อหุ้น HANA และ KCE ที่ยอดขายและกำไรยังเติบโตได้ยาว
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งซิกแซกออกด้านข้าง โดยมีแนวรับ 1,628-1,615 จุด ส่วนแนวต้าน 1,642 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CV มูลค่าการซื้อขาย 2,738.44 ล้านบาท ปิดที่ 4.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท
หุ้นไทยวันนี้ (2 ก.ย.64) เปิดบวก +3.04 จุด (+0.19%) ที่ระดับ 1,637.52 จุด มูลค่าการวื้อขาย 12,249.37 ล้านบาท รอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ บ้านเราหลังเปิดห้างฯ - ร้านอาหาร จับตายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งในกรอบ 1,625-1,635 จุด ปัจจัยหลักรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะออกมาวันศุกร์นี้ โดยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐและชาติตะวันตกแข็งแกร่ง เห็นได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขณะที่ฝั่งเอเชียส่วนใหญ่ PMI ยังต่ำกว่า 50 ทำให้มองว่า Fund Flow อาจเริ่มชะลอ ซึ่งวานนี้นักลงทุนต่างชาติหยุดซื้อหุ้นไทยทำใหั้ดัชนีปรับลง
ราคาทองวันนี้ – 2 ก.ย. 64 ปรับราคา 2 ครั้ง บวกอีกเล็กน้อย
ประกันสังคมอัปเดต! เงื่อนไข ขั้นตอนยื่นทบทวนสิทธิเยียวยา ม.33 ม.39 ม.40 เคาะไทม์ไลน์ 2 ช่วง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบราว 0.4-0.5% แนะติดตามฝั่งยุโรปที่ตัวเลขเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ทำให้เริ่มพูดถึงการถอนการอัดฉีดสภาพคล่อง หลังจากเงินเฟ้อขึ้นมาสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 3% สูงกว่าที่คาดไว้ในระดับ 2.7%ส่วนบ้านเราหลังจากที่มีการคลายล็อกดาวน์เปิดห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารแล้ว ต้องจับตาว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเป็นอย่างไร
สถานการณ์ทั่วไป
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป หลังตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,312.53 จุด ลดลง 48.20 จุด หรือ -0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,524.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด หรือ +0.03% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,309.38 จุด เพิ่มขึ้น 50.15 จุด หรือ +0.33%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส บรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในการประชุมเมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 68.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 71.59 ดอลลาร์/บาร์เรล