วิกฤตการณ์ยูเครน ชี้ชะตาทองคำ หากเกิดสงครามทะลุ 2.000 เหรียญ "เร็ว"
การเคลื่อนไหวราคาทองคำในช่วงวิกฤตการณ์ยูเครน ชี้เห็นว่าความตึงเครียด "รัสเซีย-ยูเครน" เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทาง ราคาผันผวนตามสถานการณ์
ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ผลักดันราคาทองในฐานสินทรัพย์ปลอดภัยทะยานแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
ราคาทองคำโลกทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากความต้องการของนักลงทุนที่ตื่นตระหนกจากความตึงเครียดทางการทหารในยุโรปมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และวิตกจะเกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยทองคำมักจะเป็นสินทรัพย์ที่คงมูลค่ามากที่สุดในช่วงความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น
สัญญาณดีวิกฤตการณ์ยูเครน "ไบเดน-ปูติน" ตกลงจัดประชุมร่วมหาทางออก
ฝรั่งเศสเป็นคนกลาง กรุยทางให้ สหรัฐฯ ประชุมกับรัสเซีย แก้วิกฤตยูเครน
รัสเซีย-เบลารุสขยายเวลาซ้อมรบร่วม
การเคลื่อนไหวราคาทองคำในรอบ 2 ปี
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทองคำฟิวเจอร์พุ่งแตะ 1,902 ดอลลาร์/ออนซ์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ก่อนเผชิญกับแรงเทขายทำกำไรร่วงลง 0.1% เมื่อวันศุกร์
นักวิเคราะห์กล่าวว่านักลงทุนกำลังมองหาสินทรัพย์ลงทุนที่เกิดจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาทองทะยานขึ้น แม้ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยมีแนวโน้มขยับขึ้น จากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในเดือนมี.ค.นี้
หาความตึงเครียดยังคงอยู่ อาจจะทำให้ราคาทองทะยานขึ้นทุบสถิติใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ที่ราคาทองขึ้นไปถึง 2,051.50 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อเดือนส.ค. 2020
"นักลงทุนอาจจะซื้อทองคำมากขึ้น ถ้าราคาทะานเหนือระดับ 1,860-1,880 ดอลลาร์/ออนซ์ มีโอกาสจะทำสถิติครั้งใหม่"
จากข้อมูล Refinitiv Lipper ชี้ให้เห็นว่ามีเงินไหลเข้าลงทุนในทองคำยาวนานที่สุด นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2020
ปกติแล้ว ราคาทองคำจะวิ่งสวนทางกับทิศทางดอกเบี้ย แต่ความวิตกจากสงครามมีมากกว่า ชี้ให้เห็นว่าตลาดให้น้ำหนักกับปัจจัยสงคราม
"ในช่วงที่รัสเซียออกข่าวว่าถอนทหาร ราคาทองร่วงลง แต่เมื่อความตึงเครียดกลับมาอีก ทองคำก็วิ่งขึ้น ดังนั้นหากแนวโน้มความขัดแย้งคลี่คลายลง ราคาทองคำจะกลับไปสู่ระดับพื้นฐาน คือ ที่ระดับ 1,730 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อสิ้นปี 2022"
แต่หากความตึงเครียดยังอยู่ ให้จับตาดูแนวต้านสำคัญที่ 1,919 ดอลลาร์ หากผ่านไปได้ ราคาทองคำก็มีโอกาสวิ่งทะลุทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ครั้งใหม่