“บางกอกแอร์เวย์ส” ปี 65 ตั้งเป้ารายได้ 8,175 ล้านบาท เชื่อธุรกิจการบินฟื้นตัว จ่อเปิดเส้นทางบินเพิ่ม
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส หรือ BA คาดในปี 2565 ธุรกิจการบินฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ตั้งเป้ารายได้ 8,175 ล้านบาท เตรียมเปิดเส้นทางบินเพิ่มในปีนี้
บางกอกแอร์เวย์ส ยกเว้นค่าธรรมเนียมกรณีเปลี่ยนแปลงบัตรโดยสาร
บางกอกแอร์เวย์ส เพิ่มความถี่เส้นทางบิน "กรุงเทพฯ - พนมเปญ"
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2565 บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ชื่อหลักทรัพย์ BA จัดแถลงข่าว “แผนและทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส” โดยคาดว่าปี 2565 จะมีจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคน เที่ยวบินกว่า 3.4 หมื่นเที่ยวบิน และรายได้ผู้โดยสารรวม 8,175 ล้านบาท พร้อมกลับมาเปิดเส้นทางบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเดินทางของผู้โดยสารสายการบินบางกอกแอร์เวย์สในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า ภาพรวมการเดินทางลดลงอย่างเห็นได้ชัด ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนสิงหาคม สายการบินฯ ได้เปิดให้บริการเส้นทาง sealed route เพื่อสนับสนุนนโยบายเปิดประเทศ ได้แก่ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัส เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมความมั่นใจในการเดินทางมายังประเทศไทย
จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2564 จำนวนผู้โดยสารทยอยเพิ่มขึ้นจากนโยบายการเปิดประเทศ ทั้งนี้ เส้นทางสมุยยังคงเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีสัดส่วนรายได้ผู้โดยสารอยู่ที่ 63% ของรายได้ผู้โดยสารทั้งหมด เส้นทางภายในประเทศอื่น ๆ มีสัดส่วนรายได้ผู้โดยสารอยู่ที่ 35% และกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กรุงเทพ-พนมเปญ ที่เปิดปฏิบัติการบินเมื่อเดือนธันวาคม มีสัดส่วนรายได้ผู้โดยสาร อยู่ที่ 2% ของรายได้ผู้โดยสารทั้งหมดในปี 2564
อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 คาดว่าธุรกิจการบินจะฟื้นตัวประมาณ 40% หลังจากอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเส้นทางบินที่จะเปิดเพิ่มเติมในปี 2565 ได้แก่ กรุงเทพฯ-กระบี่ ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันที่ 27 มีนาคม 2565 ส่วนในไตรมาสที่ 3 ได้แก่ เส้นทางการบินสมุย–เชียงใหม่ สมุย-ฮ่องกง กรุงเทพฯ-เสียมราฐ ขณะที่ไตรมาสที่ 4 จะเปิดเส้นทางบิน เชียงใหม่-กระบี่ (เที่ยวเดียว) เชียงใหม่-ภูเก็ต (เที่ยวเดียว) สมุย-กระบี่ กรุงเทพฯ–ดานัง กรุงเทพฯ - หลวงพระบาง กรุงเทพฯ ย่างกุ้ง และ กรุงเทพฯ– มัลดีฟส์ อย่างไรก็ตาม การกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินต่าง ๆ นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยว มาตรการการเดินทางของแต่ละประเทศ และการควบคุมสถานการณ์โควิด–19 ที่อาจยังไม่คลี่คลาย
นายพุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีเครื่องบินจำนวน 37 ลำ โดยแผนการบริหารฝูงบินโดยภายในสิ้นปี 2565 จะมีเครื่องบินในฝูงบินทั้งสิ้น 30 ลำ โดยจะทยอยคืน Airbus A320 จำนวน 5 ลำ ซึ่งครบกำหนดสัญญาแล้ว รวมถึงจำหน่ายเครื่องบิน ATR72-500 อีกจำนวน 2 ลำ
สำหรับในปี 2565 บริษัทฯ ได้คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคน ตั้งเป้ารายได้ผู้โดยสาร 8,175 ล้านบาท รวมเที่ยวบินกว่า 3.4 หมื่นเที่ยวบิน มีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 65% และราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวคาดว่าจะอยู่ที่ 3,100 บาทต่อเที่ยว
ด้านนายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายงานการเงินและบัญชี กล่าวถึง ในปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 5,668.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 44.5 เมื่อเทียบกับปี 2563 ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 8,145.1 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ร้อยละ 45.4 ผลขาดทุนสุทธิของบริษัทฯ ในปี 2564 เท่ากับ 8,599.8 ล้านบาท โดยมีรายการขาดทุนสุทธิจากการยกเลิกสัญญาเช่ากองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย จำนวน 5,434,7 ล้านบาท ในขณะที่ผลขาดทุนจากการดำเนินงานในปี 2564 เท่ากับ 2,532.5 ล้านบาท ขาดทุนลดลงร้อยละ 22.2 เมื่อเทียบกับปี 2563
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนในการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย โดยเน้นประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ ลดเครื่องบินเช่าดำเนินงานเมื่อหมดอายุสัญญาจำนวน 5 ลำ ในปี 2565 ปรับเส้นทางบินให้ตรงกับความต้องการในการเดินทางโดยเน้นเส้นทางบินที่เชื่อมต่อสนามบินสมุย การได้รับการปรับลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน การจัดการด้านบุคลากรให้เหมาะสม การรักษาสภาพคล่องทางการเงิน การรักษาประสิทธิภาพยานพาหนะเพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น การบำรุงรักษา ตลอดจนการได้รับมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ อาทิ ในด้านภาษี
ขณะที่ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน ในปี 2564 บริษัท ครัวการบินกรุงเทพ มีรายได้อยู่ที่ 119.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 61 เนื่องจากมีจำนวนเที่ยวบินที่สนามบินสุวรรรณภูมิและสนามบินภูเก็ตลดลง บริษัท ภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไลด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด มีรายได้ 1,122.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 ทั้งนี้มีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายจึงทำให้มีกำไรอยู่ที่ 237 ล้านบาท
สำหรับบริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์โก้ จำกัด มีรายได้ในปี 2564 อยู่ที่ 2,140.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 รายได้ที่เติบโตดังกล่าวมาจากอัตราการใช้บริการคลังสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น