คริปโทฯยอดนิยมคนไทย ผลตอบแทนร่วงหนัก KUB ติดลบเยอะสุด 61%
ก.ล.ต. เผยข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งแต่ต้นปี 65 ผลตอบแทนสินทรัพย์ดิจิทัลยอดนิยมในไทย กอดคอกันร่วง โดย KUB ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุด
ติดตามผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้ที่นี่ >>> คลิก <<<
ทำไมบิตคอยน์วิ่ง "ขึ้น-ลง" ตามตลาดหุ้น เมื่อนักลงทุนสถาบันร่วมวงคริปโท
ข่าวแห่งปี 2564 : ปีแห่งการเทรด "เหรียญดิจิทัล" ฟีเวอร์
บิตคอยน์ดีดแรง เหนือ 30,000 ดอลลาร์ หลังยืนเหนือแนวรับ 27,000 ดอลลาร์
21 พ.ค.65 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. รายงานสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ พบว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก มีมูลค่า Market cap. ประมาณ 1.28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 44 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ 44.2% มาจาก บิตคอยน์ ( Bitcoin) และทั้งหมดมีมูลค่าการซื้อขายล่าสุด 77.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน หรือประมาณ 2.6 ล้านลล้านบาท
ในปี 2565 มูลค่าการซื้อขายสะสมแยกตามประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลพบว่าค่อนข้างกระจายตัว โดย เทเทอร์ (Tether) มีมูลค่าซื้อขายสะสมสูงสุดอยู่ที่ 7.4 หมื่นล้านบาท รองลงมา บิตคอยน์ ( Bitcoin) อยู่ที่ 6.4 หมื่นล้านบาท และ อีเธอร์เรียม(Ethereum) อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท
โดยตั้งแต่ต้นปี 2565 ผลตอบแทนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมไทย แต่ยังให้ผลตอบแทนติดลบ พบว่า เหรียญ Kub ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุด -61.37% รองลงมา XRP -48.76% Ethereum -46.62% และ Bitcoin -35.61% ตามลำดับ
ขณะที่ ถ่านหิน (Coal) เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด อยู่ที่ 125.65% รองลงมา น้ำมัน (Oil) 38.91% อลูมิเนียม (Aluminum) 14.32% พันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี (Gov US 10 yrs) 1.27% ทองคำ (Gold) -0.15% และ ตลาดหุ้นไทย (SET Index) -1.08% ตามลำดับ
ด้านจำนวนบัญชีซื้อขายของบุคคลธรรมดาในประเทศเริ่มมีการเคลื่อนไหวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 65 เป็นต้นมา โดยเดือน ม.ค. อยู่ที่ 6.82 แสนบัญชี, ก.พ. อยู่ที่ 4.89 แสนบัญชี, มี.ค. อยู่ที่ 4.75 แสนบัญชี, เม.ย. อยู่ที่ 4.54 แสนบัญชี และ พ.ค. อยู่ที่ 4.77 แสนบัญชี ซึ่ง ณ เม.ย. 65 มีบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด 2.68 ล้านบัญชี
นอกจากนี้นิติบุคคลต่างชาติเริ่มมาเป็นผู้ซื้อหลักในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ตั้งแต่เดือน มี.ค. 65 อย่างต่อเนื่อง โดยซื้อเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท จากนั้นในเดือน พ.ค. ลดลงเหลือ 7 พันล้านบาท ส่วนรายย่อยชาวไทย พ.ค. ซื้อเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนรายต่างชาติขาย 1.5 หมื่นล้านบาท