บริษัทจดทะเบียน 7 กลุ่ม ส่อกำไรวูบ เงินเฟ้อพุ่ง-รัฐหมดแรงเข็นมาตรการ
บริษัทจดทะเบียน ในไตรมาส 2 ปี 65 อาจมีผลกำไรลดลง จากหลายปัจจัย ทั้งฐานกำไรในปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูง ปัญหาเงินเฟ้อ และมาตรการรัฐหมดลง
AIS ทุ่ม 3.2 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการ 3BB – หน่วยลงทุน JASIF
ราคาทองวันนี้ (4 ก.ค.65) เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยกดดัน
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า ภาพรวมกำไรของบริษัทจดทะเบียนในงวดไตรมาส 2 ปี 2565 อาจมีโอกาสลดลงทั้งรายไตรมาส (QoQ) และรายปี (YoY) โดยมีปัจจัยกดดันกำไรของบริษัท คือ ฐานกำไรในงวดไตรมาส 2 ปี 64 อยู่ในระดับสูง มีกำไรรวม 2.74 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากมีบริษัทขนาดใหญ่มีกำไรพิเศษเข้ามา เช่น PTTGC มีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC 1.1 หมื่นล้านบาท และ BAY มีการขายเงินลงทุนTIDLOR 8 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อาจส่งผลให้กำไรลดลง YoY
รวมถึงปัญหาเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงมาตรการภาครัฐทยอยหมดลงเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1 ปี 65 เมื่อเทียบกับฐานกำไร ไตรมาส 1 ปี 65 ยืนอยู่ในระดับ 2.81 แสนล้านบาท ซึ่งเกิดจากปกติไตรมาสที่ 1 มักเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว และยังได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐเข้ามากระตุ้นภาคบริโภค แต่งวดไตรมาส 2 ปี 65 เริ่มเห็นปัญหาเงินเฟ้อที่ชัดเจนมากขึ้น รวมกับมาตรการภาครัฐหลายโครงการที่ทยอยหมดอายุลง ทำให้กดดันให้กำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสลดลง QoQ ได้
ทั้งนี้กลุ่มหุ้นที่คาดว่าผลกำไรลดลง 7 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ
กลุ่มเหล็ก ราคาเหล็กอยู่ในช่วงขาลง จากความต้องการใช้เหล็กในจีนที่ชะลอตัวประกอบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่อยู่ในภาวะซบเซา ส่งผลให้สินค้าคงคลังเหลือจำนวนมาก จึงกดดันให้ราคาเหล็กปรับตัวลดลง และสถานการณ์ในไทยเข้าสู่ฤดูฝน กระทบความต้องการใช้เหล็กลดลง ประกอบกับงานก่อสร้างภาครัฐเริ่มชะลอตัว จากปัจจัยด้านราคา และปริมาณที่ลดลงมาก ส่งผลให้กำไรลดลงทั้ง QoQ YoY
กลุ่ม ICT แนวโน้มกำไรชะลอลงตามฐานกำไรของผู้ประกอบการมือถือ ที่เป็นตัวผลักดันกำไรโดยรวมของกลุ่ม เพราะคาดทั้ง ADVANC และ DTAC จะถูกกดดันจากรายได้ที่ชะลอตัวตามกำลังซื้อที่ลดลง และการแข่งขัน ด้าน TRUE จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน DIF ออกมาบางส่วน แต่คาดจะไม่เพียงพอที่จะดึงให้กำไรทั้งกลุ่มเติบโตได้
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนวโน้มกำไรจะลดลง จากผลขาดทุนของบริษัทที่มีพอร์ตคอนโดมิเนียม อย่าง NOBLE และ ANAN เข้ามากดดันกำไรกลุ่มฯ ขณะที่กำไรจะลดลง QoQ ผลจากช่วงวันหยุดยาวในเดือนเมษายน สร้างผลกระทบต่อยอดขายและโอนฯ
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจมีช่วงฤดูกาลที่ชัดเจน โดยฤดูกาลที่ดีที่สุดอยู่ในไตรมาสแรก ซึ่งน่าจะเห็นกำไรไตรมาส 2 ปี 65 บริษัทส่วนใหญ่ผลดำเนินการลดลง QoQ หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นมาก จากการส่งผ่านต้นทุนไปสู่ราคาขายยังทำมาได้ทั้งหมด แม้บางบริษัทสามารถปรับราคาสินค้าได้ ส่งผลให้มีปริมาณขายลดลง
โดยบริษัทใหญ่ที่สุดในกลุ่ม คือ SCC มีผลกำไรลดลงชัดเจนจากปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และราคาวัตถุดิบตั้งต้น (Spread) ปิโตรเคมีลดลงจากปีก่อนมาก ขณะที่ SCCC ต้องเผชิญปัจจัยลบจากการอ่อนค่าของเงินรูปีศรีลังกา อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีโอกาสเกิด FX Loss ส่วน TASCO ที่ยังไม่สามารถหา แหล่งน้ำมันดิบที่เป็นวัตถุดิบแทนจากเวเนซูเอลาได้ จะถูกกดดันจากมาร์จิ้นที่ลดลง
กลุ่มปิโตรเคมี แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2 ปี 65 คาดจะปรับตัวลดลง QoQ สำหรับกลุ่มโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ ตาม Spread ผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าต้นทุนวัตดุดิบที่เพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้ลดลง และ ปริมาณสินค้าใหม่ที่ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 ถึงปัจจุบัน มีเพียง IVL ที่น่าจะประคองกำไรปกติได้ QoQ เพราะได้มีการทำสัญญา ซื้อขายล่วงหน้าไปแล้วกว่า 50% ซึ่งเป็นระดับราคาที่มากกว่าปี 2564 ทำให้มั่นใจได้ว่า ทิศทางกำไรในปี 2565 น่าจะเห็นการเติบโต YoY ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี เป็นช่วงฤดูกาลที่ดีที่สุดของ PET ทำให้ Spread โดยรวมยังทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับงวด ไตรมาส 1 ปี 65
กลุ่มธนาคาร คาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2 ปี 65 ทรงตัว QoQ แต่ลดลง YoY จาก BAY ที่มีกำไรจากเงินลงทุน โดยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิขยายตัวตามฐานสินเชื่อและสำรองลดลง ช่วยชดเชย รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยกลุ่มฯ อ่อนตัวจากตลาดทุน เลือก ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ที่ได้ประโยชน์ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากดอกเบี้ยขาขึ้น อย่าง BBL KBANK และ KTB
กลุ่มยานยนต์ คาดกำไรงวดไตรมาส 2 ปี 65 อ่อนตัว QoQ จากยอดขายตามฤดูกาล และมาร์จิ้นได้รับผลกระทบจากต้นทุน เลือกหุ้นสถานะการเงินเป็นเงินสดสุทธิทนทานเมื่อเผชิญกับความเสี่ยงระดับมหภาค อย่าง SAT และ STANLY
ค่าเงินบาทแนวโน้มอ่อน จากดอลลาร์แข็งค่า ตลาดคาดธปท.ขึ้นดอกเบี้ย
คัดแล้ว 30 คนสุดท้าย “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022” เข้าไปลุ้นชิงมงกุฎ
โควิดวันนี้ (4ก.ค.65) ยอดติดเชื้อลดฮวบไม่ถึง 4 พันราย ดับ 18 ราย