คาดการณ์กลุ่มแบงก์ กำไรไตรมาส 2/65 แนวโน้มทรงตัว จับตาหุ้นใหญ่
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง เผยผ่านบทวิเคราะห์ คาดการณ์กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 กำไรรวมอยู่ที่ 48.9 พันล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 5% เมื่อเทียบกับจากไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง และการเติบโตของสินเชื่อ แต่ขณะเดียวกันประมาณการกำไรรวมทั้งปี 2565 คาดว่าอยู่ที่ 1.986 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน
ไทยพาณิชย์ ไตรมาส 1 กำไร 10,193 ล้านบาท โต 1% รายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม-หนี้เสียลด
KKP ไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิ 2,055 ล้านบาท พุ่ง 40.5% เหตุสินเชื่อโต-ค่านายหน้าเพิ่ม
คาดการณ์รายได้ของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 2/65
กลุ่มที่กำไรลดลง
BAY คาดการณ์กำไรปรับตัวลดลง 49% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรอยู่ในระดับสูง หลังขายหุ้นของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (TIDLOR) ที่เข้าสู่การเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
KTB คาดการณ์กำไรปรับตัวลดลง 3% เนื่องจากการใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
กลุ่มที่จะเป็นผู้นำการเติบโตของกำไร
BBL มีปัจจัยหนุนจากการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง ประมาณการกำไรเติบโต 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
TTB ได้ปัจจัยหนุนจากค่าการตลาดลดลง ประมาณการกำไรเติบโต 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
KKP การเติบโตของสินเชื่อ และการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เริ่มเบาลง ประมาณการกำไรเติบโต 25% จากปีก่อน
ขณะที่ช่วงไตรมาส 3 ปี 65 บล.บัวหลวง มองว่า กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะมีกำไรแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 49.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY และ 1% QoQ ซึ่งปัจจัยส่วนใหญ่มาจากการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง โดยธนาคารที่คาดว่าจีเติบโต คือ TTB BBL เพิ่มขึ้น 29% และ25% ตามลำดับ สาเหตุจากการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง และการปล่อยสินเชื่อ
ด้านกำไรรวมของธนาคาร ในปี 2565 อยู่ที่ 198.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน โดยมาจากการเติบโตของสินเชื่อ การตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เฉลี่ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมมองว่า BBL KTB และTTB กำไรสุทธิจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 23% 22% และ19% ตามลำดับ ส่วน BAY คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 12%
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ได้อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์ สามารถจ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานปี 2565 โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งบริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในปี 2565 ได้แก่ TISCO 9.0% และKKP 5.4% โดยเงินปันผลในครึ่งแรกของปี 65 คาดว่า SCB และTISCO จะจ่ายอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุดที่ 1.5% และ 1.3% ตามลำดับ
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส มองว่า แนวโน้มกำไรสุทธิกลุ่มธนาคาพาณิชย์ ทั้ง 8 ธนาคาร ในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 1.5% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) มาจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ตามสภาวะตลาด และ ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพิ่มเล็กน้อยตามความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนี้เสีย
(NPL) โดยธนาคาพาณิชย์ ที่กำไรในเชิง QoQ ดีกว่าค่าเฉลี่ยนำโดย BBL กำไรเพิ่มขึ้น +4% QoQ และ+16% YoY และ KBANK กำไรเพิ่มขึ้น +3% QoQ และ+30% YoY
ส่วนเติบโตสูงจากปีก่อนหน้า (YoY) เช่น KKP กำไรลดลง -3% QoQ และเพิ่มขึ้น 48% YoY และ KTB กำไรลดลง -14% QoQ และเพิ่มขึ้น 26% YoY) เท่าตลาดกลุ่มฯ ซื้อขายบน PBV ที่ 0.68 เท่า มองว่าไม่แพง ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ย จะช่วยจำกัดขาลง (Limit Downside) ต่อประมาณการปี 2566 เลือกธนาคาราพาณิชย์ใหญ่ อย่าง KBANK , BBL และ KTB