BBL เผยไตรมาส 3/65 กำไร 7,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8%
ธ.กรุงเทพ หรือ BBL แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 3/65 มีกำไรสุทธิ 7,657 ล้านบาท เติบโต +10.8% เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามปริมาณเงินให้สินเชื่อที่ขยายตัว รวมถึงยังได้อานิสงส์การปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน BBL ตั้งสำรองไว้ที่ 9,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.2%
TTB โชว์กำไร Q3/65 โต 57.5% ที่ 3,715 ล้านบาท รับดอกเบี้ยขาขึ้น-สำรองลด
KTC กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 34.6% อานิสงส์ปลดล็อกประเทศ-มาตรการกระตุ้น
ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ของธนาคารและบริษัทย่อย โดยมีกำไรสุทธิ 7,657 ล้านบาท เติบโต +10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นตามปริมาณเงินให้สินเชื่อที่ขายตัว และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลงซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล
เมื่อรวมงวด 9 เดือน ปี 65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +7.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 26,496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินสินเชื่อธุรกิจ และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการสภาพคล่องของธนาคาร รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของทิศทางอัตราดอกเบี้ย
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 10,211 ล้านบาท ลดลง -25.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรม ผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) และรายไดค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 9,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการตั้งสำรอง โดยพิจารณาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า
ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,796,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8.1% จากสิ้นปี 2564 โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ
นอกจากนี้ ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2565 จำนวน 3,165,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.3% จากสิ้นปี 2564 และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 88.4%
ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยปรับตัวดีขึ้น และจากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าออกของไทยและประเทศต่าง ๆ ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคนต่อเดือน
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยธนาคารกลางในหลายประเทศ เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เริ่มส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก ทำให้อัตราการขยายตัวของภาคการส่งออกไทยในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2565 ขยายตัว 6% ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 11% ทั้งนี้ ความผันผวนของตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้ายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : สรุปผลประกอบการ BBL สำหรับงวดสามเดือนและงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565