เปิดงบ DTAC ก่อนควบรวม ไตรมาส 3 กำไรวูบ 41.4% เหลือ 488 ล้านบาท
ดีแทค (DTAC) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 มีกำไรลดลง 41.4% เหลือ 488 ล้านบาท เหตุต้นทุนเพิ่มขึ้น การแข่งขันสูง ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ฉุดรายได้ต่อเลขหมายวูบ
อดีต กสทช.ชี้ ควบรวมทรู-ดีแทค ยังอีกหลายขั้นตอน มอง มติ กสทช. สร้างจุดกึ่งกลางทั้งสองฝ่าย
กสทช. มีมติเสียงข้างมาก ไฟเขียวควบรวม ทรู- ดีแทค
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค (DTAC) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2565 โดยมีกำไรสุทธิ 488 ล้านบาท ลดลง -41.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีรายได้ 20,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยเป็นผลมาจากผลกระทบเชิงลบจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการในไตรมาสนี้ และผลประโยชน์จากต้นทุนค่าธรรมเนียม รวมถึงรายได้ต่อเลขหมายที่ลดลงจากการแข่งขันที่สูง ท่ามกลางเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
EBITDA เท่ากับ 7,177 ล้านบาท ลดลง -3.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อ โดยมีอัตรากำไร EBITDA margin (normalized) อยู่ที่ 43.8% ในไตรมาสที่ 3/65
รายได้จากการให้บริการหลัก อยู่ที่ 13,534 ล้านบาท ลดลง -0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากการแข่งขันที่สูง และการลดลงของรายได้ในระบบรายเดือน
รายได้จากการบริการข้ามพรมแดนอัตโนมัติ เท่ากับ 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +158.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายได้จำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ และชุดเลขหมาย อยู่ที่ 2,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้ย +73.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเปิดตัวการขาย iPhone รุ่นใหม่ และการปิดตัวของร้านค้าในไตรมาส 3/64 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
รายได้จากการให้บริการอื่น เท่ากับ 298 ล้านบาท ลดลง -9.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านต้นทุนการดำเนินงานไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย เท่ากับ 12,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายการพิเศษจากการปรับปรุงต้นทุนค่าธรรมเนียม และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการโรมมิ่งบนเครือข่าย 2300 MHz ของ TOT
ขณะที่ DTAC มีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 21.1 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านเลขหมาย หรือ +9.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.75 แสนเลขหมาย จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของลูกค้าระบบเติมเงิน
สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เท่ากับ 222 บาทต่อเดือน ลดลง -7.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการแข่งขันที่สูง และเศรษฐกิจฟื้นตัวไปอย่างช้า ๆ
นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DTAC กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2565 เศรษฐกิจระดับมหภาคของประเทศไทยยังคงฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ จากปัจจัยภายนอก ทั้งนี้ ประเทศไทยเห็นการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ความสามารถในการใช้จ่ายของลูกค้าลดลง รวมทั้งการแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคมในไตรมาสนี้ยังคงมีความเข้มข้น
ขณะเดียวกัน ดีแทค บรรลุเป้าหมายในการขยายเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมทั้งหมด 77 จังหวัดภายในครึ่งปีแรก บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเร่งขยายเครือข่าย 5G อย่างต่อเนื่อง โดยมีการติดตั้งสถานีฐานบนเครือข่าย 5G เพิ่มขึ้นประมาณ 600 สถานีฐานในไตรมาสนี้ และมีการติดตั้งสถานีฐานบนคลื่นย่านความถี่ต่ำเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 สถานีฐาน ทำให้มีสถานีฐานบนเครือข่าย 700 MHz ที่ได้รับการติดตั้งแล้วจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 18,800 สถานีฐาน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ DTAC ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2565