บทสรุป FTX ยักษ์กระดานเทรดล้ม วิกฤตใหญ่โลกคริปโทฯ อาจซ้ำรอย LUNA
รวมเหตุการณ์ความวุ่นวาย FTX ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโทฯ ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่ถูกแฉงบการเงินผิดปกติ จนคนแห่ถอนเงินออก ทำให้ขาดสภาพคล่องต้องยื่นล้มละลาย ผู้ก่อตั้งบริษัทลาออกจากซีอีโอ และเงินลูกค้าหลานพันล้านดอลลาร์ ถูกแฮกออกไปอย่างปริศนา
ตลาดคริปโทแดงเถือก เซ่นวิกฤต FTX กระดานเทรดยักษ์ใหญ่ เสี่ยงล้มละลาย
ตลาดคริปโทดิ่งอีก “บิตคอยน์” ร่วงเหว 15% พิษ “ไบแนนซ์” ถอนซื้อ “FTX”
จากกรณี FTX ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี่รายใหญ่ของโลก ประสบภาวะขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนแห่ถอนเงินออกมาราว 6,000 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ ไบแนนซ์ (Binance) ประกาศถอนการลงทุนทั้งหมดในเหรียญ FTT ที่ออกโดย FTX มูลค่าราย 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สาเหตุที่ ไบแนนซ์ ถอนการลงทุนนั้น เนื่องจากมีกระแสข่าวที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับงบการเงินของ Alameda Research ที่เป็นบริษัทย่อยของ FTX
จุดเริ่มต้น FTX ล้มสลายในข้ามคืน
โดย ณ วันที่ 30 ม.ย. Alameda มีสินทรัพย์รวม 14,000 ล้านดอลลาร์ มีหนี้สินราว 8,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ 7,400 ล้านดอลลาร์ (ล่าสุด 12 พ.ย. มีหนี้สิน 13,860 ล้านดอลลาร์) มีเงินสด 134 ล้านดอลลาร์ และการลงทุนในตราสารทุน มูลค่าราว 2,000 ล้านดอลลาร์
ประเด็นสำคัญคือ สินทรัพย์ราว 40% ของ Alameda เป็นเหรียญ FTT มูลค่าอยู่ที่ 5,800 ล้านดอลลาร์ สูงกว่ามูลค่าเหรียญในตลาดทั้งหมดราว 160% สิ่งนี้จึงทำให้คนในวงการคริปโทฯตั้งคำถามถึงมูลค่าที่แท้จริงของเหรียญ FTT และจะเกิดอะไรขึ้นหาก Alameda ถูกบังคับให้ขายเหรียญทั้งหมดออกไปในตลาด และใครจะมีกำลังทรัพย์มากพอมารับซื้อเหรียญในปริมาณที่มากขนาดนั้น
FTX ได้ขอความช่วยเหลือจาก ไบแนนซ์ ด้วยการทำข้อตกลงแบบไม่มีข้อผูกมัด เพื่อกู้วิกฤตสถานการณ์บริษัท แต่ต่อมาในวันเดียวกันนั้น ไบแนนซ์ ก็ได้ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าวทันที หลังจากเข้าตรวจสอบสินทรัพย์ทั้งหมดของ FTX แล้วพบว่ายากเกินที่จะช่วยเหลือได้แล้ว
“เราได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ดำเนินการขั้นต่อไป ซึ่งในเริ่มแรกนั้น บริษัทหวังจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าของ FTX เพื่อให้มีสภาพคล่องได้ แต่ปัญหาทั้งหมดอยู่นอกเหนือความสามารถของเราแล้ว” โดยโฆษกไบแนนซ์ กล่าวในแถลง
บทเรียนคริปโทฯ “LUNA” ล่มสลาย สะเทือนวงการนักเทรด ก่อนคืนชีพ “LUNA 2.0”
วิกฤต FTX เจอทางตัน
เมื่อหนทางแก้วิกฤตได้ถูกปิดตายทุกด้าน บริษัท FTX ได้ยื่นขอความคุ้มครองล้มละลายกับศาลสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ ของ “แซม แบงก์แมน-ฟรายด์” ผู้ก่อตั้ง FTX โดยในเวลาต่อมามีกระแสข่าวว่า ตัวเขาได้ขึ้นเครื่องบินหลบหนีไปที่อาร์เจนตินา ก่อนจะออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวกับสื่อ และเผยว่าอยู่ในประเทศบาฮามาส ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท FTX
มือปริศนาแฮ็กเงิน FTX
ท่ามกลางความวุ่นวายของตลาดคริปโทฯ ผู้ดูแลระบบ FTX ได้มีการประกาศเตือนผ่าน Telegram ในช่วงวันศุกร์( 11 พ.ย.) ว่า FTX กำลังถูกแฮ็ก ห้ามให้ผู้ใช้งานอัปเดตแอปพลิเคชั่น และลบแอปฯ FTX ทั้งหมด
ด้านแนนเซ็น (Nansen) บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า เห็นเงินกว่า 2,000 ดอลลาร์ ไหลออกจาก FTX International และ FTX US ตลอดช่วง 7 วันที่ผ่านมา ซึ่ง 659 ล้านดอลลาร์ เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงก่อนหน้า พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าเงินจำนวนมากได้ถูกโอนออก แต่เหตุใดกลับใช้เวลาแค่ไม่นาน
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า “แซม แบงก์แมน-ฟรายด์” ได้แอบโอนเงินลูกค้าราว 10,000 ล้านดอลลาร์ จาก FTX ไปที่ Alameda
หลายชั่วโมงต่อมาหลังเกิดข่าวการถูกแฮ็ก ไรน์ มิลเลอร์ ที่ปรึกษาทั่วไปของ FTX เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มขั้นตอนการย้ายสินทรัพย์ทั้งหมดไปไว้ที่ปลอดภัยแล้ว เพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
เปิดชื่อสถาบันการเงินระดับโลก ร่วมลงขัน FTX
FTX ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในศูนย์การแลกเปลี่ยนคริปโทฯ 1 ใน 4 ของโลก ตามปริมาณการซื้อขายคริปโทฯ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังได้รับทุนจากสถาบันทางการเงินชื่อดังต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น SoftBank, Temasek, LightSpeed Ventures, Tiger Global, Sequoia Capital และ BlackRock รวมถึงบริษัทเฉพาะด้านคริปโทจำนวนมาก ทำให้บริษัทถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ราว 32,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ต้องจับตาดูว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการล่มสลายครั้งใหญ่ของ FTX จะซ้ำรอยเหมือนวิกฤต LUNA หรือไม่ และจะขยายวงกว้างไปไกลมากแค่ไหน