จีนเปิดประเทศเต็มสูบ 8 ม.ค.66 เปิดโผ 11 หุ้นไทย คาดได้อานิสงส์เต็ม ๆ
จีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศเริ่ม 8 ม.ค. ปีหน้า 2566 และเตรียมอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ในเร็ว ๆ นี้ ด้านโบรกฯ คาดจะช่วยฟื้นภาคท่องเที่ยวไทย ดันชาวต่างชาติทะลุ 20 ล้านคนปีหน้า คาดหนุน 11 หุ้นได้ปะโยชน์ ทั้งสนามบิน โรงแรม สินค้าส่งออก รวมถึงผลักดันราคาน้ำมัน
จีนผ่อนโควิด ลุ้นเปิดประเทศดันเศรษฐกิจฟื้น เจาะหุ้นไทย 8 กลุ่มได้ประโยชน์
AOT คาดปีใหม่2566 ผู้โดยสารแน่นทะลุ 2 ล้านคน แนะเผื่อเวลามาสนามบิน
กรณีคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีนหรือ NHC ประกาศ เตรียมยกเลิกบังคับให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องกักตัวเฝ้าระวังอาการโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ปี 2023เป็นต้นไป โดยระบุว่า จีนจะผ่อนคลายแผนการจัดการการระบาดโควิด-19 ของประเทศจากระดับ A ที่มีความเข้มงวดสูงสุดลงมาเป็นระดับ B เนื่องจากอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19นั้นรุนแรงน้อยลงแล้วและน่าจะค่อย ๆ กลายมาเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจแบบธรรมดาในอนาคตอันใกล้
โดยก่อนจะถึงวันที่ 8 มกราคมนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนยังต้องกักตัวภายในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดไว้เป็นเวลา 5 วันก่อนจะไปแยกตัวที่บ้านตนเองอีก 3 วัน แต่หลังการยกเลิกมาตรการดังกล่าวแล้ว ผู้ที่เดินทางมาจีนยังต้องทำการตรวจหาการติดเชื้อด้วยระบบ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง
ขณะที่การเดินทางออกนอกประเทศนั้น คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า กระบวนการอนุญาตให้ประชาชนในจีนเดินทางออกนอกประเทศจะกลับมาทำการอีกครั้งในไม่ช้าเช่นกัน ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้า-ออกประเทศผ่านเส้นทางทางทะลและทางบกกลับมาเป็นเหมือนปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปในลำดับต่อไป
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพ เอเซียพลัส ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2562 ที่ 40 ล้านคน รวมถึงช่วงเวลาเปิดประเทศของจีนถือว่าลงตัว เพราะเป็นช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน (22 ม.ค. 66) ซึ่งชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวและยังอยู่ในช่วง High Season ของท่องเที่ยวไทย ประกอบกับจะช่วยให้สายการบินสามารถวางแผนจัดการเส้นทางการเดินทางได้ดีขึ้น จะทำให้เที่ยวบินไปจีนฟื้นตัวตลอดช่วงที่เหลือของปี
ทั้งนี้ หากพิจารณานักท่องเที่ยวโซนเอเซียเหนือที่เดินทางมาไทย ตั้งแต่ ก.ค. 65 – พ.ย. 65 พบว่าการฟื้นตัวเทียบก่อนช่วงเกิดโควิด-19 (Pre-COVID ) ทยอยไต่ระดับ เช่น เกาหลีใต้ ช่วง ก.ค. 65 มีการเดินทางมาไทยคิดเป็นสัดส่วน 36% ของ Pre-COVID จากนั้น พ.ย. 65 เร่งตัวมาที่ 59% ของ พ.ย. 62 และชาวญี่ปุ่นเดินทางมาไทย ก.ค. 65 อยู่ที่ระดับ 21% ของ Pre-COVID และ พ.ย. 65 คิดเป็นสัดส่วน 30% ของ พ.ย. 62
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงคาดหมายการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนมาไทยอยู่ในรูปแบบเดียวกัน ทยอยไต่ระดับ และจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2H66 (กรณีที่ฟื้นตัวมาที่ 40% - 50% ของปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนมาไทยจะอยู่ที่ 4.4 – 5.5 ล้านคน) และกรณีที่หน่วยงานที่ เกี่ยวของกับภาคท่องเที่ยวไทยทำการตลาดกับนักท่องเที่ยวจีนได้ดี อาจเปิด Upside ต่อประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2566 ถึง 2567 ที่ 20-30 ล้านคน
นอกจากนี้การกลับมาเปิดเศรษฐกิจของประเทศที่จีน ฝ่ายวิจัยประเมินว่าจะมีอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
• ภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยมากกว่าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ในปี 2566 ที่ 20 ล้านคน โดยน่าจะเริ่มเห็นคนจีนเข้ามาในไทยได้เร็วขึ้นจากเดิมคาดไว้ช่วงกลางปี 66 โดยในภาวะปกตินักท่องเที่ยวชาวจีนเคยมาไทยมีสัดส่วนสูงถึง 30% หรือราว 11 ล้านคน ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2562 ดีต่อหุ้น AOT, CENTEL, ERW
• ภาคการส่งออก พบว่า ในภาวะปกติปี 2562 ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปจีนราว 12% ของมูลค่าการส่งออก และอยู่อันดับ 2 ของมูลค่าการส่งออกไทยรายประเทศ ขณะที่ปัจจุบันข้อมูลรวม 10 เดือน ปี 65 ยังติดลบ 6% จากปีก่อน ซึ่งสินค้าส่งออก 5 อันดับแรก นำโดย 1. ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 2. ผลิตภัณฑ์ยาง 3. เม็ดพลาสติก 4. ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 5. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ดังนั้นหากจีนเริ่มเปิดประเทศ การค้าของไทยกับจีนน่าจะกลับมาคับคลั่งขึ้น และถ้าเทียบกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ NER, STA, HANA, KCE, TKN
• การกลับมาเปิดเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลก มีโอกาสผลักดันราคาน้ำมัน, ปิโตรเคมี & โรงกลั่น (+TOP, PTTGC,IRPC) และสินค้าเกษตร ทำให้ภาวะเงินเฟ้อปี 2566 ของแต่ละประเทศ เป็นปัจจัยที่ตลาดจับตา