ปี 66 ต่างชาติลุยซื้อหุ้นไทย 1.1 หมื่นล้าน จับตาบาทแข็งเร็วสุดในอาเซียน
เริ่มต้นปี 2566 ต่างชาติยังเดินหน้าซื้อหุ้นไทยไม่หยุด รวมมูลค่า 1.1 หมื่นล้าน ดัน SET Index แตะ 1,691 จุด ขณะที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 3 เดือน ล่าสุดจ่อทะลุ 33 บาท/ดอลลาร์ โบรกฯ เผย 3 สาเหตุสำคัญทำเงินบาทแข็งค่าเร็ว พร้อมมองว่าในระยะถัดไปอาจผลักดันให้ SET Index เพิ่มขึ้นได้น้อยลง
คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก หลังเงินเฟ้อไทยพุ่ง จำกัด Upside ตลาดหุ้นไทย
ค่าเงินบาทเช้านี้ "แข็งค่าต่อเนื่อง" จากเงินไหลเข้า "หุ้น-พันธบัตร"
กระแสเงินลงทุนต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทย (SET Index) อย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ 2.03 แสนล้านบาท มากกว่าหลายประเทศในภูมิภาค ทั้ง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน ขณะที่เริ่มปี 2566 ต่างชาติยังคงเดินหน้าซื้อต่อเนื่องทุกวันจนถึงปัจจุบันรวมมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท (YTD) ดัน SET Index พุ่งแตะระดับ 1,691 จุด ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 9 เดือน
ขณะที่เงินบาทไทยมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ระดับราว 33.43 บาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งปรับลดลงมาอย่างรวดเร็ว -12.17% ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าเงินทุนยังคงไหลเข้าไทย
โดยฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ปัจจุบันเงินบาทแข็งค่ากว่า 3.3% YTD มาสุดในอาเซียน มาจาก 3 เหตุผลหลัก ๆ ได้แก่
1.เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้น โดยเดือน ธ.ค.65 อยู่ที่ 0.217 ล้านล้านเหรียญฯ หรือราว 7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 หลังจากผ่านพ้นจุดต่ำสุดในเดือน ก.ย.65 ที่อยู่ระดับ 0.199 ล้านล้านเหรียญฯ หรือราว 6.6 ล้านล้านบาท ซึ่งได้แรงหนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยวซึ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งรายได้หลักของไทย โดยประเมินว่ายังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะทยอยเข้าไทยตั้งแต่ 8 ม.ค.66
2. เศรษฐกิจไทยโตโดดเด่นในปีนี้ สำนักเศรษฐกิจต่างประเทศหลายแห่งต่างประเมินว่า ไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศในแถบเอเชียที่เศรษฐกิจยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องเฉลี่ยราว 3.8% จากปีก่อน ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย โดย Bloomberg คาดยุโรปมีโอกาสเกิด 80% สหรัฐฯ 65% และไทย มีโอกาสเกิดเพียง 13%
3. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดย CPI เดือน ธ.ค. 65 เพิ่มขึ้น +5.9% จากปีก่อน (ต่ำกว่าคาด) และทยอยปรับตัวลงจากจุดสูงสุดในเดือน ส.ค.65 ที่เพิ่มขึ้น +7.9% จากปีก่อน อีกทั้งแนวโน้มเงินเฟ้อปี 66 ฝ่ายวิจัยฯ ได้นำการเติบโตเงินเฟ้อ (CPI) เดือนล่าสุดของไทย ที่ระดับ -0.06% จากเดือนก่อน มาคิดสมมุติฐานเงินเฟ้อในระยะถัดไป พบว่า CPI จะทยอยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งสู่ระดับ +2.7% จากปีก่อน ในเดือน มี.ค. 66 ซึ่งเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระดับ 1-3%
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมาเร็วพร้อมกับดัชนีตลาดหุ้นที่ขึ้นมาเร็ว หากดัชนีสูงเกิน 1,700 จุด กระแสเงินทุนอาจผลักดันดัชนีให้ขึ้นได้น้อยลง แต่ก็ยังคอยช่วยพยุงดัชนีผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นโลกได้ กลยุทธ์แนะนำกลุ่มหุ้นที่ได้รับความสนใจในปีนี้ คือ กลุ่ม BANK, ETRON, PKG, TOURISM, COMM, CONS, STEEL เป็นต้น และหุ้นขนาดกลาง - ใหญ่ ที่ได้รับความสนใจลงทุนเด่นขึ้นในปีนี้ BBL, SCB