บอร์ด “บางจาก” ลุยซื้อ “เอสโซ่” จากเอ็กซอนโมบิล จ่อเสนอผู้ถือหุ้น
บอร์ด “บางจาก” ไฟเขียวเข้าซื้อกิจการ “เอสโซ่” จากเอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil) และจะตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด โดยเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ
ลดส่งท้ายสุดสัปดาห์ พรุ่งนี้ “โออาร์-บางจาก” ปรับเบนซินลง 30 สต./ลิตร
ข่าวลือดัน BCP หุ้นดีด 4% โร่แจง ตลท. ไร้ข้อสรุปซื้อกิจการ ESSO
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เห็นชอบเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาให้บริษัทเข้าซื้อหุ้น และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO
โดยจะทำการเข้าซื้อหุ้นสามัญโดยตรง 2,283.75 ล้านหุ้น ในเอสโซ่ คิดเป็นสัดส่วน 65.99% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด จากผู้ขาย คือ บริษัท ExxonMobil Asia Holding Ptr. Lte ซึ่ง BCP ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นเมื่อ 11 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา
การเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว มีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น หากอ้างอิงตามงบการเงินสอบทานในไตรมาส 3/2565 ของเอสโซ่ จะได้ราคาเบื้องต้นประมาณ 8.84 บาทต่อ 1 หุ้น โดยราคาสุดท้ายจะมีการปรับตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดอีก 1,177.108 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 34.01% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของเอสโซ่
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ มีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท
โดยจะทำให้บางจากฯ มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง สามารถดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น จัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น และได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง
แต่ธุรกรรมครั้งนี้ จะไม่รวมการได้มาของธุรกิจผลิตภัณฑ์หล่อลื่น และเคมีภัณฑ์ ขณะที่เอสโซ่จะยังสามารถใช้ตราสินค้าของเอสโซ่สำหรับสถานีบริการต่อไปได้ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ระยะเวลา 2 ปี
ปัจจุบัน ESSO บริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 38,415 ล้านบาท
- ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 2,225 ล้านบาท
- ปี 2562 ขาดทุน 3,065 ล้านบาท
- ปี 2563 ขาดทุน 7,911 ล้านบาท
- ปี 2565 รวม 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 11,071 ล้านบาท
ทั้งนี้ “บางจาก” ประเมินมูลค่ากิจการ ESSO ไว้ที่ 55,500 ล้านบาท แต่ได้ตั้งกลไกปรับราคาหุ้นที่ซื้อขายไว้ตามความผันผวนของธุรกิจ ซึ่งจะอิงจากงบการเงินล่าสุดก่อนวันทำธุรกรรรมเสร็จสิ้น ตัวอย่างเช่น
- หากคำนวณราคาซื้อขายหุ้น อิงงบฯ วันที่ 30 มิ.ย. 65 จะคิดเป็นเงิน 33,312 ล้านบาท
- หากคำนวณราคาซื้อขายหุ้น อิงงบฯ วันที่ 30 ก.ย. 65 จะคิดเป็นเงิน 30,608 ล้านบาท
ด้านหุ้น ESSO ณ วันที่ 12 ม.ค. 65 เวลา 10.00 น. เปิดราคาอยู่ที่ 9.45 บาทต่อหุ้น อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
อ่านรายละเอียดฉบับเต็ม : แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)