“เอ็กซอนโมบิล” โชว์กำไรปี 65 พุ่ง 1.84 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
“เอ็กซอนโมบิล” (ExxonMobil) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานสัญชาติอเมริกัน และเจ้าของปั๊มเอสโซ่ เผยปี 65 มีกำไรสุทธิ 1.84 ล้านล้านบาท เติบโตทุบสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี ได้อานิสงส์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติพุ่งสูง
บอร์ด “บางจาก” ลุยซื้อ “เอสโซ่” จากเอ็กซอนโมบิล จ่อเสนอผู้ถือหุ้น
“บางจาก” ได้เงินกู้แล้วกว่า 6 หมื่นล้าน เพียงพอฮุบ “เอสโซ่” ยันไม่กระทบฐานะการเงิน
เอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น (ExxonMobil) บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของโลกสัญชาติอเมริกัน เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2565 โดยมีกำไรสุทธิ 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.84 ล้านล้านบาท โดยสามารถทำรายได้ 6.3 ล้านดอลลาร์ต่อ 1 ชั่วโมง หรือราว 206 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์ของบริษัท และอุตสาหกรรมน้ำมันของตะวันตก นับตั้งแต่ปี 2551 หรือในรอบ 15 ปี
โดยเป็นผลมาจากในช่วงปี 2565 เกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งถึง 142 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นราว 30% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้หากไม่รวมค่าธรรมเนีนม เอ็กซอนโมบิล ในปี 2565 มีกำไรเท่ากับ 59,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีผลผลิตน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้นราว 100,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะที่ในไตรมาส 4 ปี 65 กำไรสุทธิไม่รวมค่าธรรมเนียม เท่ากับ 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กลับลดลง 33% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่เริ่มชะลอตัวลงในช่วงท้ายปี และแหล่งผลิตบางส่วนได้รับผลกระทบจากพายุฤดูหนาวที่รุนแรง
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา เอ็กซอนโมบิล ได้ใช้เงินลงทุน 22,700 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นราว 37% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงการน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติในแหล่งใหม่
ดาร์เรน วู้ดส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็กซอนโมบิล กล่าวว่า การลงทุนของบริษัทฯ ที่สวนทางกับวัฏจักรเศรษฐกิจ ทั้งในช่วงก่อนและระหว่างการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ทำให้ผู้คนมีพลังงานใช้ตามความต้องการ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังกลับมาฟื้นตัว
เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาหุ้น XOM ของเอ็กซอนโมบิล ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ +2.19% ปิดที่ระดับ 116.01 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น