“กูเกิล” หุ้นดิ่ง 7.68% เปิดตัวแชตบอตใหม่ แต่ตอบข้อมูลผิดพลาด
แอลฟาเบต อิงก์ (Alphabet Inc.) บริษัทแม่ของ กูเกิล (Google) สูญเสียมูลค่าในตลาด 3.35 ล้านล้านบาท หลังเปิดตัวแชตบอทใหม่ Bard เพื่อแข่งขันกับ ChatGPT แต่กลับบอกข้อมูลที่ผิดพลาดไปจากความเป็นจริง ส่งผลให้ราคาหุ้น Alphabet Inc Class A ร่วงทันที -7.68%
สงครามชิงจ้าวแห่งแชตบอต! “กูเกิล” เปิดตัว “บาร์ด” คู่แข่ง ChatGPT
หวังแข่งกูเกิล ไมโครซอฟต์เล็งนำ “ChatGPT” มาใช้ในเสิร์ชเอนจิ้น
เมื่อคืนที่ผ่านมา (8 ก.พ.66) หุ้น Alphabet Inc Class A ของ แอลฟาเบต อิงก์ (Alphabet Inc.) บริษัทแม่ของ กูเกิล (Google) ในตลาดแนสแด็ก (Nasdaq) ราคาปรับลดลง 8.27 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ -7.68% ปิดตลาดอยู่ที่ 99.37 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น โดยสูญเสียมูลค่าในตลาดราว 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.35 ล้านล้านบาท
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลัง กูเกิล โพสต์คลิปวิดีโอเปิดตัวระบบแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชื่อว่า Bard
ซึ่งเตรียมจะนำใส่ในเสิร์ชเอนจินของตนเอง เพื่อให้ทำหน้าที่ช่วยเหลือในการค้นหา ท่ามกลางกระแสระบบแชทบอท ChatGPT ของ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลกในขณนี้
อย่างไรก็ตามคลิปวิดีโอโฆษณาของแชทบอท Bard ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อคืนที่ผ่าน ได้ถูกโลกโลกโซเชียล และสื่อหลายสำนัก จับข้อผิดพลาดได้ เนื่องจากระบบตอบข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง
ภายในคลิปวิดีโอ ได้ทดสอบถามข้อมูลกับแชทบอท Bard ซึ่งถามว่า “การค้นพบสิ่งใหม่ ๆ จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เว็บบ์ (JWST) จะสามารถบอกอะไรให้กับเด็ก 9 ขอบ ฟังได้บ้าง” จากนั้น แชทบอท Bard ก็ตอบคำถามกลับมา ซึ่งในเนื้อหาดังกล่าวมีข้อความหนึ่งระบุว่า “มีการถ่ายภาพดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ หรือ หรือดาวเคราะห์นอกระบบเป็นครั้งแรก ด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เว็บบ์”
ทั้งนี้จากข้อมูลของ นาซา (NASA) พบว่า ภาพถ่ายดาวเคราะห์นอกระบบเป็นครั้งแรกของโลก ถูกถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ (VLT) ของหอสังเกตการณ์ทางตอนใต้ของยุโรป ในปี 2547
สำหรับ Google ในช่วงที่ผ่านมา เผชิญแรงกดดันอย่างมากจากการแข่งขันทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแชทบอท ChatGPT ที่ได้รับความนิยมในเวลาไม่กี่เดือน จากความสามารถอันชาญฉลาด ทั้งบอกข้อมูลได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำ รวมถึงมีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุด ทำให้คาดกันว่าจะสามารถแทนที่ Google ได้ในอนาคตอันใกล้
ขณะที่ Alphabet Inc. บริษัทแม่ของ Google ผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 65 มีกำไรลดลง -34% อยู่ที่ 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 15,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยังคงสร้างยอดขายได้ 76,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าคาดการณ์ราว 1%
โดยที่ผ่านมา บริษัทกำลังเผชิญต้นทุนที่พุงสูง จึงต้องเร่งดำเนินการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลง ล่าสุดได้ประกาศปลดพนักงานถึง 12,000 คน จากพนักงานทั้งหมด 1.9 แสนคน คาดว่าคาดใช้จ่ายในการลดพนักงานจะอยู่ที่ราว 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ