MINT โชว์กำไร 3,005 ล้านบาท ไตรมาสสองโต 148% โรงแรมยุโรปยอดเข้าพักพุ่ง
บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศงบไตรมาส 2 ปี 66 มีกำไรสุทธิเติบโต 148% ที่ 3,005 ล้านบาท จากธุรกิจโรงแรมที่เติบโต โดยเฉพาะในยุโรปมีผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงร้านอาหารที่มีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งในไทย จีน และออสเตรเลีย
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 40,607 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,005 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหารมีการเติบโตของรายได้
ด้านกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) เท่ากับ 12,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
และมีอัตรากำไร EBITDA เท่ากับ 31.3% เพิ่มขึ้นจาก 29.6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
เมื่อรวม 6 เดือนแรกของปี66 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 2,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายได้ของ MINT ในไตรมาส 2 ปี 66 แบ่งตามรายธุรกิจ
ธุรกิจโรงแรม มีรายได้เท่ากับ 32,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากการฟื้นตัวของความต้องการในการเดินทางที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะโรงแรมในยุโรปที่มีผลดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ทำให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 68% และราคาค่าห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5,727 บาทต่อคืน
MINT ควัก 1,250 ล้านบาท ซื้อรีสอร์ทในมัลดีฟส์ ถือหุ้น 60%
MINT ควักเงิน 546 ล้านบาท ฮุบแบรนด์ “ซิซซ์เล่อร์” ทั่วโลก
MINT ไตรมาส 1/66 ขาดทุนลดลง 82% เหลือขาดทุน 647 ล้านบาท โรงแรม-ร้านอาหารฟื้นแรง
ธุรกิจร้านอาหาร มีรายได้ เท่ากับ 7,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% ปัจจัยหลักมาจากการเปิดสาขาใหม่ในไทยและจีน รวมถึงยอดขายต่อร้านเดิมเพิ่มขึ้น
ธุรกิจไลฟ์สไตล์ มีรายได้ท่ากับ 486 ล้านบาท ลดลง 18% สาเหตุจากการปิดร้านสาขาที่ไม่ทำกำไร
โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย. 66 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 371,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,995 ล้านบาทจากสิ้นปี 65 และมีหนี้สินรวม 285,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,884 ล้านบาทจากสิ้นปี 65 ขณะที่เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดปลายงวดเท่ากับ 21,585 ล้านบาท
ล่าสุดหุ้น MINT เปิดตลาดภาคบ่ายวันที่ 17 ส.ค. 66 ราคาอยู่ที่ 32.75 บาทต่อหุ้น โดยมูลค่าปรับเพิ่มขึ้นราว 3% ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง บ่งบอกว่าผลการดำเนินงานของ MINT ในครึ่งปีหลังของปี 66 รวมถึงปี 67 ยังคงดีต่อเนื่อง จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นเป็นผลให้การเดินทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ ในยุโรปเพิ่มขึ้นสูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาทวีปยุโรปช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19
ซึ่ง ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในยุโรปจะได้รับอานิสงส์จากการเดินทางดังกล่าว กลยุทธ์ในการเลือกทำเลของโรงแรมและโปรแกรมความภัคดีที่มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกยังสนับสนุนการเติบโตของการเดินทางเพื่อธุรกิจและท่องเที่ยวสำหรับปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ผลิของทวีปยุโรป
นอกจากนี้ไตรมาส 4 ยังเป็นช่วงฤดูการที่ดีของธุรกิจโรงแรมในทวีปเอเชีย ส่งผลให้มีความต้องการการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจาก สหรัฐอเมริกา ยุโรป และกลุ่มลูกค้าตลาดบนจากตะวันออกกลางอีกด้วย
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส เปิดเผยว่า MINT จากการประชุมนักวิเคราห์ แนวโน้มช่วงครึ่งหลังของปี 66 66 ยังอยู่ในเส้นทางการฟื้นตัว สะท้อนจากรายได้ห้องพักเฉลี่ยของห้องพัก (RevPar) เดือน ก.ค.66 ขยายตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงเกินช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเน้นการบริหารค่าห้องพักมากขึ้น เช่น การปรับแบรนด์ไปยังแบรนด์ที่มีค่าห้องพักสูงขึ้น
นอกจากนี้ในเชิงอัตรากำไรสุทธิ แม้ EBITDA สูงเกินปี 62 แต่วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่าปี 62 ทาง MINT จึงประเมิน อัตรากำไรสุทธิ จะกลับสู่ระดับช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 67
ด้านเป้าหมายการเติบโตรายได้ระยะยาวเฉลี่ย (CAGR) ปี 65 - 68 คงเดิมที่ 12% -15% YoY ส่วนการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในอนาคต ขึ้นอยู่กับโอกาส
โดยรวมการฟื้นตัวเป็นไปในมุมมองเดียวกับฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรปกติครึ่งหลังปี 66 เด่นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากไม่มีช่วงต่ำสุดแบบไตรมาส 1 ประกอบกับแนวโน้มโรงแรมไทยฟื้นตัวตามการเปิดใหม่ (Reopening) หลังกลับมามีกำไรงวดครึ่งปีแรก คงแนะนำ Outperform
อ่ายรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ : คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2566