นักวิเคราะห์หั่นเป้าหุ้นไทยปีนี้ 1,606 จุด กนง.ขึ้นดอกเบี้ย-น้ำมันดิบพุ่ง แต่มองบวกปี 67
ผลสำรวจนักวิเคราะห์ ปรับเป้าหุ้นไทยปี 66 เหลือ 1,606 จุด จากกนง.ขึ้นดอกเบี้ยเกินคาด และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่มองบวกปี 67 ให้น้ำหนักบริษัทจดทะเบียนจะมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้น และเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว พร้อมกับแนะนำ 5 หุ้นเด่น
หุ้นไทยสัญญาณเริ่มกลับตัว โบรกฯชี้ปัจจัยภายนอกผ่อนคลาย
บทสนทนา "นายกฯ เชิญ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติพบ" ไร้ความขัดแย้ง เล็งนัดทุกเดือน
สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 26 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุน โดยคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในไตรมาส 4 ปี 2566 เฉลี่ยที่ระดับ 1,619 จุด ส่วนจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,468 จุด และมีเป้าหมายดัชนีที่ 1,606 จุด ณ สิ้นปี 2566 ลดลง 34 จุด จากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 1,630 จุด
ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 ของตลาดเฉลี่ยที่ 89.04 บาท ปรับลดลงครั้งก่อน ที่ 93.21 บาท
และครั้งนี้คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของปี 2566 อยู่ที่ 6.51% ทั้งนี้ในปี 2567 คาด EPS อยู่ที่ 99.47บาท และ EPS Growth อยู่ที่ 12.03%
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยถึงสาเหตุที่นักวิเคราะห์ลดเป้าดัชนีหุ้นไทยปี 66 ว่า สาเหตุมาจากการที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ซึ่งผิดจากที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะไม่ขึ้นอีก ในแง่ของมูลค่าอาจกระทบตลาดหุ้นไทยราว 25-50 จุด รวมถึงราคาน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นของผู้บริโภค รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ทำให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้าออกไปด้วย
ทั้งนี้ปัจจัยบวกทิศทางการลงทุนในปีนี้ นักวิเคราะห์ ให้น้ำหนัก 100% ว่ามาจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ปี 2567 รองลงมาเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังฟื้นตัว และปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยลบนำโดยการเมืองในต่างประเทศ และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา รวมถึงเศรษฐกิจโลก
“คะแนนเทไปว่าจากนาทีนี้ไปมองปัจจัยอะไร ก็เทไปที่ผลดำเนินงานของปี 2567 เลย เราคงเคยได้ยิน ปลาย ๆ ปีนี้ก็บอกว่า เรามองกำไรข้ามไปปีหน้าแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมาปลาย ๆ เพราะว่าหุ้นซื้อวันนี้เพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้า ก็เริ่มเห็นว่าทุกคนมั่นใจว่าปีหน้าเนี่ย ธุรกิจดีมาก ๆ แล้ว” นายสมบัติ กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) นักวิเคราะห์คาดการณ์ปี 2566 ขยายตัว 2.85% ลดลงจากเดิม 3.38% และมองว่าในปี 2567 กลับขยายตัวเฉลี่ยที่ 3.56%
“เรายังไม่เห็นแนวทางที่เศรษฐกิจจะทรุดลงมา ปีหน้าอีก 3 เดือนก็ยังน่าจะมองว่าไปทางบวกอยู่ แล้วก็คงต้องไปติดตาม ขณะนี้เหมือนนักวิเคราะห์เขามั่นใจแล้วล่ะว่าปีหน้าจะเป็นปีที่รัฐบาลบริหารเศรษฐกิจให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน” นายสมบัติ กล่าว
ส่วนนับตั้งแต่ต้นปี 66 นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง รวม 9 เดือน ขายสุทธิ 1.57 แสนล้านบาท นายสมบัติ มองว่า คิดว่านักลงทุนต่างชาติคงมีความกังวลจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ล่าช้ากว่าที่คาด และกระแสความไม่พอใจของประชาชนในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมถึงยังไม่มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้นานหรือไม่
“ถามว่าต่างชาติเมื่อไหร่จะมั่นใจ เขารู้จักผู้บริหาร นักธุรกิจไทย น้อยกว่าที่นักวิชาการไทยรู้จัก แต่แน่นอนว่าเขาต้องมั่นใจน้อยกว่า เขาก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะทำได้จริงหรือไม่ ส่วนคนอยู่ในเมืองไทยหลายคนก็เชื่อมั่นเพื่อไทย เขาไม่ได้มีแค่ตัวบุคคลที่นั่งตำแหน่ง เขามีทีมงานแบ็กอัพเยอะ เขาก็เชื่อว่าสิ่งที่คิดแบบมีรีเสิร์ช และมีคนที่พร้อมช่วยคิดวิธีการทำงาน หลายคนก็มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะบริหารเศรษฐกิจขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีบางอย่างไม่ไปตามที่คาดการณ์ตั้งแต่รู้ผลเลือกตั้ง ต่างชาติก็เลยต้องรอเห็นอะไรบางอย่างถึงจะมั่นใจ” เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าว
สำหรับรายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป พร้อมประเด็นหลักสนับสนุน มีดังนี้
1. ADVANC โดยมองว่าแนวโน้มกำไรกลับมาเติบโตดีหลังการแข่งขันลด และได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว
2. AOT มองว่าได้ประโยชน์สูงสุดจากการเปิดประเทศ และจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ดังนั้น คาดว่าจะมีผลประกอบการกำไรแบบเต็มปีในปี 2567
3. BDMS ได้ประโยชน์จากการเดินทางข้ามประเทศฟื้นตัวและการขยายตัวของคนไข้ทั้งในและต่างประเทศจากกลุ่มลูกค้าประกัน ประกันสังคม และต่างชาติ
4. CPALL คาดกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปี 66 จนถึงปี 67 จากเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวและมาตรการกระตุ้นภาครัฐ
5. TOP ปัจจัยสนับสนุนจากกำไรฟื้นตัวตามแนวโน้มค่าการกลั่นและราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น มองครึ่งปีหลังของปี 66 จะมีค่าการกลั่นเฉลี่ยยืนเหนือ 8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น อุปทานน้ำมันในตลาดโลกตึงตัว และได้แรงหนุนจากความคืบหน้าแผนเพิ่มประสิทธิภาพตอบโจทย์ตลาดในอนาคต
ขณะที่หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ หุ้น DELTA เนื่องจาก ราคาเกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก และกลุ่มหุ้นที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายภาครัฐและต้นทุนพลังงาน
โปรแกรมการแข่งขันกีฬา เอเชียนเกมส์ 2022 วันที่ 2 ต.ค. 66 ของนักกีฬาไทย
สหพันธ์กรีฑาโลก ไม่รับรองสถิติวิ่ง 100 ม."เทพบิว" ภูริพล ศึกเอเชียนเกมส์
เปิดปฏิทินวันหยุดตุลาคม 2566 เช็กวันหยุดราชการ-วันสำคัญ