SCGP ปี 66 กำไรลด 10% เหลือ 5,248 ล้านบาท เลื่อนสร้างโรงงานเวียดนาม ดีมานด์จีนหาย
“เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” หรือ SCGP ประกาศงบปี 66 กำไรสุทธิ 5,248 ล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อนหน้า เหตุยอดขายและราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลง ผู้บริหารลั่นปี 67 วางเป้ารายได้ 150,000 ล้านบาท เติบโต 15% ชี้เลื่อนแผนลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในเวียดนามเป็นเรื่องดี เหตุดีมานด์จีนไม่ฟื้น
เศรษฐกิจไทยเหมือนนักกีฬาสูงวัย วิ่งช้าลง และ เติบโตต่ำกว่าศักยภาพ
ต่างชาติไม่เชื่อมั่นหุ้นไทย ขายทะลุ 2.13 แสนล้านบาท ไร้สัญญาณคัมแบ็ก
บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ชื่อหลักทรัพย์ SCGP รายงานผลการดำเนินงานบริษัทฯ ปี 2566 รายได้จากขายรวม 129,398 ล้านบาท ลดลง 11% จากปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 5,248 ล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากปริมาณและราคาขายลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มกระดาษบรรจุภัณฑ์และเยื่อกระดาษ ท่ามกลางความล่าช้าของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค.
โดยส่งผลให้ EBITDA เท่ากับ 17,769 ลดลง 8% จากปีก่อนหน้า และมี EBITDA margin อยู่ที่ 14% ลดลงจาก 13% ในปีก่อนหน้า

ขณะที่เฉพาะไตรมาส 4 ปี 66 SCGP มีกำไรสุทธิ 1,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายได้แบ่งตามธุรกิจในปี 66 ของ SCGP
- ธุรกิจบรรจุภันฑ์แบบครบวงจรมีรายได้ 97,044 ล้านบาท ลดลง 17% จากปีก่อนหน้า
- ธุรกิจเยื่อและกระดาษ มีรายได้ 24,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า
- ธุรกิจรีไซเคิล รายได้ 7,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63% จากปีก่อนหน้า
คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท โดยบริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลงวดระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เมื่อวันที่ 22 สิ.ค. 2566 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ในวันที่ 22 เม.ย. 2567 ตามรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 เม.ย. 2567 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 เม.ย. 2567
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายที่ 150,000 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อนหน้า และงบลงทุนรวม 15,000 ล้านบาท มุ่งเน้าการขยายธุรกิจอย่างธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ บรรจุภัณฑ์อาหาร และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ Bio-Solutions ที่เป็นเมกะเทรนด์ การพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจ และการบริหารจัดการต้นทุน ควบคู่ไปกับการยกระดับการทำงานสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) ผ่านการใช้เทคโนโลยี รวมถึงการขับเคลื่อน ESG เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก
“ปีนี้ยอดขายประมาณ 150,000 ล้านบาท ตั้งเป้าไว้ ก็เติบโต 15% จากปีที่ผ่านมา คิดว่าจะอยู่ในพิสัยที่เอื้อมถึง ในขณะเดียวกันเรื่องค่าใช้จ่าย ปีที่ผ่านมาลดได้ 1,100 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้า 1,000 ล้านบาท จะเป็นตัวอัพไซด์ธุรกิจของ SCGP” นายวิชาญ กล่าว

ทั้งนี้ในไตรมาส 1 ปี 67 เริ่มเห็นดีมานด์ฟื้นตัวต่อเรื่องจากไตรมาส 4 ปี 66 อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่เติบโตชะลอตัวลง และดอกเบี้ยใกล้ลดลง จึงเชื่อว่าจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีต้นทุนทางการเงินสูง ซึ่งจะช่วยหนุนให้การใช้ผลิตภัณฑ์ดีขึ้น รวมจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยเชิงบวกให้กับ SCGP
ส่วนปัจจัยลบต่อ SCGP ต้องติดตามสถานการณ์ในทะเลแดง ซึ่งทำให้ค่าระวางเรือสูงขึ้น แต่ประเมินว่าจะกระทบธุรกิจบรรจุภันฑ์ไม่มาก เพราะตลาดส่วนใหญ่ของ SCGP จะอยู่ในแถบอาเซียน จะมีเพียงผลิตภัณฑ์ใส่อาหารที่ผลิตในเวียดนาม ที่มีบางส่วนส่งออกไปในแถบยุโรปซึ่งเป็นดาวน์ไซด์ (Downside) เล็กน้อย ส่วนราคาเศษกระดาษที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงตามดีมานด์บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น มั่นใจว่าจะบริหารจัดการได้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงงานกระดาษบรรจุภัณฑ์ทางตอนเหนือของเวียดนามขนาด 38 ไร่ ว่า สาเหตุที่บริษัทฯได้ชะลอการลงทุนออกไป เนื่องจากการประเมินในปีนี้ 67 คาดว่ายังไม่มีดีมานด์จากจีน โดยโครงการนี้มีแผนผลิตสินค้าส่งไปทางตอนใต้ของจีนส่วนใหญ่ ดังนั้นการชะลอโครงการออกไปจึงถือเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากเดินหน้าลงทุนต่อในขณะที่ดีมานด์ยังไม่มี ก็จะทำให้เดินเครื่องได้ไม่เต็มกำกังการผลิต
“การที่ดีเลย์โปรเจคได้ เราคิดว่าปีนี้ก็อีกปีหนึ่ง เรามองเป็นเรื่องดีซะอีก ถ้าเราลงทุนโปรเจคนี้ 92,000 ล้านบาท ถ้าเราลงทุนในขณะที่ดีมานด์ไม่มี ก็จะยุ่งละ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าว
สำหรับเศรษฐกิจจีนที่เริ่มชะลอตัวลง มองว่า มี 2 ประเด็น ถ้าดูการนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์จากอาเซียนไปที่จีน จะได้เห็นว่าไตรมาส 3-4 ปี 66 ปรับเพิ่มขึ้นจนถึงปัจจุบัน แต่ในเดือนหน้ามีเทศกาลตรุษจีน จึงทำทางฝั่งจีนดูเหมือนชะลอตัว แต่หากดู ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของจีน ก็ยังแฟลชอยู่ และยังไม่ถึงกับดิ่งหัวลง
หุ้น SCGP วันที่ 23 ม.ค. 2567 ปิดตลาดลดลง 2.36% ที่ราคา 31 บาทต่อหุ้น ทำจุดต่ำสุดใหม่นับตั้งไอพีโอ

อ่านงบการเงินฉบับเต็มได้ที่ : คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการไตรมาสที่ 4/2566 (ก่อนตรวจสอบ)
เปิดเงื่อนไข กาตาร์ พบ จีน ส่งผลต่อทีมไทย ลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมเอเชียน คัพ 2023
ผลบอลเอเชียน คัพ 2023 ทาจิกิสถาน ตาม กาตาร์ เข้ารอบ 16 ทีม
กรมการจัดหางาน รับสาวไทยทำงานที่ญี่ปุ่น สมัครฟรี! ถึง 26 ม.ค. นี้