จับเทรนด์ 5 Art Toy ยอดฮิต จาก POP MART กล่องสุ่มของเล่นสุดฮิต
ทำความรู้จักกับ POP MART เจ้าของ Labubu สุดฮิต ยอดขายโตไม่หยุด ดัน Market Caps สูงถึง 220,000 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) จับเทรนด์ 5 Art Toy ยอดฮิตจากแบรนด์ POP MART ที่ทำเอาเหล่า Collector ที่ชื่นชอบ Art Toy ต่างพากันหายกใหญ่ และด้วยกระแสที่เเรงแบบนี้ ถึงขั้นมีพ่อค้าหัวใสเริ่มออกมารีเซลล์ ไม่ใช่เเค่ Labubu เเต่ขยายไปยังคาแรกเตอร์อื่น ๆ เเล้ว จนราคาตอนนี้สูงกว่า SHOP หลายเท่า บางรายถึงขึ้นลัดฟ้าบินไป POP MART ที่จีน เพื่อเหมา เอามาขายกันเลยทีเดียว
1.CRYBABY ผลงานสร้างชื่อจากดีไซน์เนอร์ชาวไทย คุณมด นิสา ศิลปินชาวไทยคนแรกที่ได้ร่วมงานกับ POP MART กับคาแรกเตอร์ของเด็กสาวที่ร้องไห้ตลอดเวลา กับแนวคิด “บางทีคนเราก็ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา ร้องไห้ และระบายมันออกมาบ้างก็ได้”
2.MOLLY เด็กผู้หญิงตาฟ้า ผมบลอนด์ ปากอวบอิ่มน่ารัก โดย Kenny Wong ดีไซน์เนอร์ชาวฮ่องกง ถือเป็นคาแรกเตอร์ที่ประสบความสำเร็จ ยอดขายทะลุทำให้ POP MART มีชื่อเสียงขึ้นมา
3.SKULLPANDA เด็กผู้หญิงน่ารักบ้องแบ๊ว แต่แฝงไปด้วยความลึกลับน่าค้นหา ฝีมือการดีไซน์โดย Xiongmao จากจีน ศิลปินที่อยู่ในวงการอาร์ตทอยกว่า 10 ปี โดยราคาไซซ์ Mega 1000% ช้อปออนไลน์ไทยขายสูงสุดอยู่ที่ 36,900 บาท
4.Labubu สัตว์ประหลาดตัวเล็ก มีหูแหลมสูง และฟันหยัก เป็นคนใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ออกแบบโดย Kasing Lung ศิลปินชาวฮ่องกง ที่อาศัยอยู่ในฮอลแลนด์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเทพนิยายนอร์ดิก
5.DIMOO เด็กชายตาโต แฝงไปด้วยความรู้สึกกลัวและสับสน ในโลกแห่งความเป็นจริงเขาคือเด็กขี้อาย แต่ในความฝันเขากล้าหาญ พยายามสำรวจโลกใหม่ สัญลักษณ์ของ DIMOO คือ Baby Clound ที่อยู่บนหัว มันจะเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ๆ และคอยปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา ผลงานออกแบบจาก Ayan ศิลปินชาวจีน ซึ่งตอนนี้ราคาไซซ์ MEGA 1000% ช้อปไทยขายสูงสุดที่ 31,900 บาท
มาทำความรู้จัก POP MART Internation Group
ธุรกิจประเภทของเล่นสะสม (Art Toy) เปิดสาขาแรกตั้งแต่ปี 2553 และทำรายได้โตต่อเนื่อง ปัจจุบัน Market Caps สูงถึง 220,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 10 พ.ค. 67) โดยคุณ Wang Ning ผู้เป็น CEO
สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากช่องทางออนไลน์ (41.6%) รองลงมาคือร้านค้าปลีก (39.6%), ร้านค้าส่ง (10.3%) และ Roboshops (8.5%)
ผลประกอบการย้อนหลัง
ปี 2563 มีรายได้รวม 11,000 ล้านบาท กำไร 2,500 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้รวม 22,000 ล้านบาท กำไร 4,100 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้รวม 24,000 ล้านบาท กำไร 2,000 ล้านบาท
ปี 2566 มีรายได้รวม 33,000 ล้านบาท กำไร 5,300 ล้านบาท
• รายได้โต 40%-45% จากปีก่อนหน้า เทียบกับทั้งปีบริษัทมองจะเติบโตอย่างน้อย 30% ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตในตลาดต่างประเทศ
• ตลาดต่างประเทศโตเร่งตัวขึ้น 245%-250% บริษัทคาดทั้งปีจะโตมากกว่า 100% เร่งตัวจากจำนวนร้านที่เพิ่มขึ้น ขนาดร้านที่ใหญ่ขึ้น และความต้องการของลูกค้าที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยตั้งเป้าเปิดร้านเพิ่มอีก 50-60 ร้านในปีนี้ พร้อมทั้งกำลังมองหาลู่ทางในการเข้าสู่ตลาดตะวันตก
มุมมองการลงทุน
• บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง และ เพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล (dividend payout ratio) มาอยู่ที่ 35% ในปี 2566 จากเดิมที่ 25% ในปี 2565
• แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น จากการเติบโตที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ถึงแม้อาจจะมีอัตราเร่งที่ลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ยังมีปัจจัยหนุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกับความสามารถในการทำกำไร อย่างไรก็ตามปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายอยู่ที่ P/E (NTM) อยู่ที่ 26.66 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 2 ปีย้อนหลัง 20.99 เท่า เหนือระดับ +1SD
• มองแนวรับแถว HKD 28.00-29.65 และมองเป้าทำกำไร HKD43 และ HKD 50 ตามลำดับ
เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ ลีก 2024 รอบแรก ครบทุกนัด
สัญญาณเตือน “ไขมันพอกตับ” จุดเริ่มต้นสารพัด ตับแข็ง-มะเร็งตับ
พยากรณ์อากาศล่วงหน้า 17 พ.ค.นี้เริ่มต้นฤดูฝน เตรียมรับมือพายุถล่ม