รู้จัก หุ้นสินค้าฟุ่มเฟื่อย โอกาสการลงทุน เก็บหลุยส์ วิตตองไว้ในพอร์ต
รู้จัก หุ้นสินค้าฟุ่มเฟื่อย กับแนวโน้มและโอกาสการลงทุน เพราะเป็นกลุ่มที่ทำผลงานได้ดีเสมอในช่วงที่หุ้นปรับตัวขึ้น แต่ก็ทำผลงานได้ย่ำแย่อย่างคงเส้นคงวา
หุ้นภาคการบริโภค (Consumption) มักถูกใช้เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจมากที่สุด เพราะการบริโภคเป็นกิจกรรมหลักของเศรษฐกิจทั่วโลก ถ้าการบริโภคฟื้นตัวหรือกลับทิศ ก็มีโอกาสสูงที่จะเห็นเศรษฐกิจและการลงทุนเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน
สำหรับตลาดการเงิน ภาคการบริโภคจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ
- สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary)
- สินค้าประจำ (Consumer Staple)
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและลงทุนต่างประเทศ เปิดเผยว่า ถ้าโฟกัสที่ หุ้นสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ต้องอธิบายก่อนว่า ไม่ได้หมายถึงสินค้าที่ฟุ่มเฟื่อยหรือไม่จำเป็น แต่คือกลุ่มสินค้าที่การตัดสินใจซื้อสามารถเลื่อนออกไปได้ ซึ่งดัชนี Global Consumer Discretionary ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทสินค้าและบริการใหญ่ 5 กลุ่มนำโดย ยานยนต์ ตกแต่งบ้าน กิจกรรมยามว่าง ช้อปปิ้งออนไลน์ และสินค้าหรูหรา
จากข้อมูลของ MSCI ACWI Consumer Discretionary Index ปัจจุบัน สัดส่วนการลงทุนหุ้นสินค้าฟุ่มเฟือยประกอบด้วย
- หุ้นในสหรัฐฯ 60% เช่น Amazon.com, Tesla, Starbucks และ Home Depot
- ยุโรป 20% ซึ่งบริษัทกว่า 60% จะอยู่ในกลุ่มสินค้าหรูหรา ยานยนต์ เช่น LVMH, Richemont, Hermès , Mercedes-Benz Group หรือ Ferrari
- เอเชีย 20% ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นญี่ปุ่นและจีนเป็นหลัก ธุรกิจแบ่งเป็นสามกลุ่มใหญ่ คือ ยานยนต์ ชอปปิง และอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Toyota, Honda, Sony, Alibaba และ PDD Holding
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นกลุ่มที่ทำผลงานได้ดีเสมอในช่วงที่หุ้นปรับตัวขึ้น โดยมี Hit Ratio หรือโอกาสทำผลตอบแทนเป็นบวกรายเดือนสูงกว่า 80% เมื่อแบ่งทิศทางของตลาดการเงินด้วยแนวโน้มของหุ้นและพันธบัตร (Bond) แต่ก็ทำผลงานได้ย่ำแย่อย่างคงเส้นคงวา (Hit Ratio ต่ำกว่า 15%) เมื่อตลาดเข้าสู่โหมดปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off หรือ Monetary Tightening)
สรุปได้ว่าการจับทิศทางของหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยนั้น เป็นหนึ่งในข้อมูลตลาดระยะสั้นที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในเชิงการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ
เชิงกลยุทธ์นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกลุ่ม หุ้นสินค้าฟุ่มเฟือย ในสัดส่วนสูง (Overweight) ในช่วงตลาดขาขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถลดสัดส่วนหรือ Short การลงทุนกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงตลาดขาลงได้เช่นกัน
ลงทุนหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยผ่านตลาดหุ้นไทย
โดยผ่านการลงทุนใน DR และ DRx (Fractional DR) โดยปัจจุบันตลาดหุ้นไทย (SET) มี DRx ที่อยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อ้างอิงหุ้นสหรัฐฯ จำนวน 3 ตัว ได้แก่
- AMZN80X อ้างอิงหุ้นบริษัท Amazon บริษัทเทคโนโลยีและ e-Commerce ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ผู้ประกอบธุรกิจสตรีมมิ่งและ AI ระดับโลก
- TSLA80X อ้างอิงหุ้นบริษัท Tesla Inc. ผู้นำในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยปัจจุบันเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ที่สุดของโลก
- SBUX80X อ้างอิงหุ้นบริษัท Starbucks Corporation ผู้พลิกวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ ที่จำหน่ายกาแฟ อาหาร และเครื่องดื่มอื่น ๆ ด้วยสาขามากกว่า 38,000 แห่งในกว่า 86 ประเทศทั่วโลก
และมี DR ที่อยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อ้างอิงหุ้นยุโรป และหุ้นจีน ได้แก่
- LVMH01 อ้างอิงหุ้นบริษัท LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าหรู ครอบคลุมสินค้าหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า เครื่องหนัง เครื่องประดับ นาฬิกา น้ำหอม เป็นต้น โดยครอบครองแบรนด์หรูชั้นนำของโลกกว่า 75 แบรนด์ เช่น Louis Vuitton, Christian Dior, Celine ฯลฯ
- BABA80 อ้างอิงหุ้นบริษัท Alibaba Group Holding Limited บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำของโลก รวมถึงกลุ่มธุรกิจประเภทอื่น ๆ เช่น ธุรกิจค้าปลีก คลาวด์คอมพิวติ้ง สื่อดิจิทัล และสื่อบันเทิง เป็นต้น
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟื่อย (Consumer Discretionary) เป็นหนึ่งในธีมลงทุนที่นักลงทุนนึกภาพออกง่ายที่สุด เป็นจุดสนใจของตลาด และความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มนี้ชี้ให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจอีกด้วย
หมายเหตุ : DR และ DRx (Fractional DR) เป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย (SET) โดยผู้ออก DR และ DRx จะเป็นคนไปซื้อหุ้นหรือหน่วยลงทุนต่างประเทศ แล้วนำมาเสนอขายให้กับนักลงทุนไทยในรูปสกุลเงินบาทอีกต่อหนึ่ง ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากกำไรที่เกิดจากการลงทุนในต่างประเทศ
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ภาพปก : GUILLAUME SOUVANT / AFP
ผลวอลเลย์บอลหญิงไทย ชนะ ฝรั่งเศส นัดที่ 2 ศึกเนชั่นส์ ลีก 2024 สัปดาห์ 2
1 มิ.ย.67! กฟน.ประกาศ “ดับไฟ” 11 พื้นที่ กทม.-สมุทรปราการ-นนทบุรี
ชวนสร้างมีม "ป้ายกรุงเทพ" จากเว็บ "BKK Sticker" ออกแบบได้ด้วยตัวเอง!