SET ห่วง ตลาดหุ้นไทย แนะ จับตาสถานการณ์ตลาดโลกต่อเนื่อง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหว มีความผันผวนสูงมาก และวันนี้ (5 ส.ค67) ตลาดเอเชียมีการปรับตัวลง ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี รวมถึงตลาดหุ้นไทย ที่ถูกกระทบในปัญหาภาวะตลาดโลก ทั้งเรื่องเกี่ยวกับปัญหาด้านการเมืองและด้านภูมิรัฐศาสตร์ 

ฝากถึงนักลงทุน ให้จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากตลาดโลก เพื่อเป็นข้อมูลตัดสินใจในการเลือกลงทุน 

เนื่องจากการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงค่อนข้างมาก เป็นโอกาสในการลงทุนได้ แต่ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ว่าเศรษฐกิจไหนมีผลกระทบมากน้อยอย่างไร 

ย้ำว่า ที่เกิดขึ้นเป็นภาวะเศรษฐกิจโลก จึงต้องติดตามข้อมูลว่าจะมีการคลี่คลายได้อย่างไร หวังว่าทุกอย่างจะจบได้โดยเร็ว ด้านผลประกอบการของ บริษัทจดทะเบียน ฝากนักลงทุนวิเคราะห์ให้ดี การทำธุรกิจของบริษัทนั้นๆ ทั้งรายได้ การบริหาร ต้นทุนต่างๆ โดยเชื่อว่าทุกบริษัทถูกผลกระทบที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม SET ปิดครึ่งเช้า 1,287.45 จุด ลดลง 25.63 จุด (-1.95%) มูลค่าซื้อขายราว 28,417 ล้านบาท จากนั้นเปิดในช่วงบ่ายยังไหลลงต่อ จนปิดตลาดที่ 1,274.67 จุด ลดลง 38.41 จุด หรือคิดเป็น 2.93%

 

โปรแกรมโอลิมปิก 2024 วันจันทร์ที่ 5 ส.ค. 67 ถ่ายทอดสดทาง พีพีทีวี

ภูเขาน้ำแข็งใหญ่สุดในโลกหมุนวนอยู่กับที่กลางกระแสน้ำวน

ผ้าคลุมรถกันความร้อน และ 4 ไอเทมที่ช่วยทำให้รถดูสวยใหม่ตลอดเวลา

แต่ถ้าไปดูหุ้นเอเชีย ดูเหมือนว่า ดัชนี Nikkei จะได้รับผลกระทบหนักสุด โดยปิดตลาดลดลง 12.4% เหลือ 31,458.42 จุด นับเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่การร่วงลงอย่างรุนแรงในเหตุการณ์ Black Monday เมื่อเดือน ต.ค. 1987 ซึ่งดัชนีร่วงลง 3,836.48 จุด หรือ 14.9%

โดย ปรับฐาน sentiment ตลาดต่างประเทศ ที่กลับมากังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ถดถอยรอบใหม่ ซึ่ง บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  มองว่าช่วงเช้านี้ดัชนีพักตัวลงแรงกว่าที่ประเมินไว้โดยหลุดแนวรับ 1300 จุดลงมา วางแนวรับถัดมาที่1285 จุด และคาดว่าดัชนีประคองตัวได้ แต่หากปิดต่ากว่าลงมาจะเสี่ยงต่อการพักตัวลงต่อเนื่อง แนะนำทยอยสะสมเก็งกำไรระยะสั้น ที่1290-1300 จุด  ให้

• แนวรับ 1285-1280
• แนวต้าน 1295-1300

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ ทิศทางเศรษฐกิจกิจสหรัฐฯที่เริ่มมีสัญญาญชะลอ ระยะสั้นทำให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นและอุตสาหกรรมที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง (Outperform) และมีการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ตึงตัว จากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่สร้าง Downside ต่อประมาณการ เช่น  หุ้น Technology ขณะที่ SETIndex แม้ระยะสั้นมีโอกาสตอบรับภาพความผันผวนดังกล่าวเช่นกัน แต่เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า  ขณะที่การปรับตัวลงสู่ระดับ 1280 -1300 จุด  ถือเป็น Value Zoneและยังคงมุมมองเป็นโซนของการทยอยซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว

กลยุทธ์เน้นกลุ่ม Yield ลดลง โรงไฟฟ้า เน้น GULF กลุ่มหนี้สูง เน้น CPALL, CPAXT  และกลุ่มเช่าซื้อที่มีคุณภาพสินทรัพย์ดีกลุ่ม ICT เช่น TRUE,ADVANC กลุ่มโรงพยาบาลทนทานต่อทุกภาวะเศรษฐกิจ เช่น BDMS และกลุ่ม REIT เช่น  3BBIF