ส่องทุนจีนลุยธุรกิจอสังหาฯ จับหัวเมืองเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว
ส่องทุนจีนลุยธุรกิจอสังหาฯ จับหัวเมืองเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวไทยมานานกว่า 15 ปี ห่วงหลังเปลี่ยนกฎหมายเพิ่มสัดส่วนการถือครองอาจมีอีกหลายชาติ
โครงการบ้านหรูราคา 100 ล้านบาทริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากบริษัทผู้พัฒนาชาวจีน ด้านผู้เชี่ยวชาญอสังหาริมทรัพย์ เผยกลุ่มทุนจีนลงทุนอสังหาในไทยมานานกว่า 10 ปีแล้ว
โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพโครงการบ้านหรูของกลุ่มทุนจีนรายใหญ่ ย่านสนามบินน้ำ บนเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนก.พ. 2567 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า โดยโครงการดังกล่าวจะพัฒนาเป็นคฤหาสน์หรู ราคาเริ่มต้นหลังละ 100 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 5 ชั้น ทุกหลังจะมีห้องใต้ดินและสระว่ายน้ำ
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด ที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ให้ข้อมูลว่า โครงการดังกล่าวเป็นของกลุ่มทุนจีนที่ร่วมทุนกับคนไทย จดทะเบียนภายใต้ชื่อ เหลียนเซิง ตั้งแต่ปี 2565 ด้วยทุนจดทะเบียนบริษัท 1,500 ล้านบาท เพื่อสร้างโครงการหมู่บ้านจัดสรรด้วยงบลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท
ที่ทำให้โครงการนี้เป็นที่ฮือฮาอาจจะเพราะเป็นโครงการบ้านหรูซึ่งไม่ค่อยมีมาก่อน แต่การที่กลุ่มทุนจีนลงทุนอสังหาในไทยนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดขึ้นมามากกว่า 15 ปีแล้ว หลากหลายบริษัทด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลพบว่า มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายเจ้าที่มีการลงทุนจากผู้ลงทุนชาวจีน ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนในระดับหลายหมื่นล้านบาท โดยบางแห่งจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2552 และโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพมหานคร ตามแนวรถไฟฟ้า เช่น สุขุมวิท พระราม 2 พระราม 9 และปริมณฑล เช่น นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม หรือในหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน เป็นต้น กลุ่มลูกค้าก็ทั้งตลาดไทย และชาวต่างชาติ รวมถึงชาวจีนที่อยากมีบ้านหลังที่ 2
ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิการเมืองกก.บห. 10 ปี
ลิงก์ดูโอลิมปิก 2024 เชียร์ "น้องเทนนิส" และนักกีฬาไทย วันที่ 7 ส.ค. 67
ผ้าคลุมรถกันความร้อน และ 4 ไอเทมที่ช่วยทำให้รถดูสวยใหม่ตลอดเวลา
นายสุรเชษฐ ยังบอกว่า หลายบริษัทไม่เคยพัฒนาโครงการอสังหามาก่อน แต่มาทำธุรกิจอื่น ๆ ในไทยแล้วประสบความสำเร็จมีรายได้เยอะ จึงสนใจต่อยอดลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ก็มี
โดยกลุ่มผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน ก็มักจะหาผู้ร่วมทุนเป็นคนไทยและตั้งบริษัทใหม่เพื่อพัฒนาอสังหา หรือหาผู้ร่วมทุนเป็นรายโครงการ เนื่องจากตามกฎหมาย บริษัทต่างชาติไม่สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ วิธีง่ายสุดคือต้องตั้งบริษัทร่วมกับคนไทยเพื่อถือครองที่ดิน
ส่วนสาเหตุที่กลุ่มทุนจีนมาทำธุรกิจอสังหาฯในไทย นายสุรเชษฐบอกว่าจริง ๆ กลุ่มทุนจีนไปทำธุรกิจในหลากหลายประเทศทั้งในอาเซียนและทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่ที่เลือกประเทศไทยส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับกำลังซื้อจากจีนด้วย เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ชาวจีนนิยมมาเที่ยวอยู่แล้ว นอกจากนี้ตามกฎหมายยังอนุญาตให้ต่างชาติมีสิทธิ์ซื้อและถือครองกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้ไม่เกิน 49%
เข้ามานานแล้วแต่ไม่เยอะ หานักลงทุนไทยมาร่วมก่อตั้งบริษัทตามกฎหมายไทย พัฒนาโครงการ พอจบโครงการก็แยกย้าย และอาจจะทำโครงการใหม่ หาคนใหม่มาร่วมทุนต่อ เขามองว่าประเทศไทยเดินทางจากจีนมาไม่ไกล แล้วคนจีนนิยมมาเที่ยวประเทศไทยอยู่แล้ว ถ้ามาลงทุนในไทยคนจีนมาซื้อได้แน่นอน 49% และเป็นการซื้อแบบกรรมสิทธิ์ ซึ่งในจีนทำไม่ได้
หวั่นแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือคอนโด 75% ยิ่งจูงใจกลุ่มทุนต่างชาติ
นายสุรเชษฐ บอกว่า การเข้ามาของผู้พัฒนาอสังหาจีนในปัจจุบันยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาไทยมากนัก เนื่องจากมีเพียงไม่กี่เจ้า และคนไทยก็ยังเลือกซื้อบ้านจากผู้พัฒนาของไทยเป็นหลัก แต่กังวลว่าหากมีการแก้กฎหมายต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมจาก 49% เป็น 75% จะยิ่งเป็นการจูงใจกลุ่มทุนต่างชาติ ให้เข้ามาทำโครงการในประเทศไทย
“ยกเว้นว่า กฎหมายการถือครองคอนโดมิเนียมขยับจาก 49% เป็น 75% สำหรับชาวต่างชาติ อันนี้ก็ไม่แน่ ในอนาคตอาจจะมีผู้ประกอบการจากประเทศไหนก็ได้ในโลกนี้มองว่าเข้ามาทำโครงการในประเทศไทยแล้วขาย 75% ให้ชาวต่างชาติก็พอแล้ว อีก 25% ก็ปล่อย ๆ ไปขายคนไทยได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร 75% พอกำไรแล้ว”
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า จีนมีมูลค่าการลงทุนทำธุรกิจในไทย 382,061 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.48% เป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่น มูลค่า 993,355 ล้านบาท สัดส่วน 24.65% และสิงคโปร์ 473,572 ล้านบาท สัดส่วน 11.75%