แนะ เทรนด์ธุรกิจมาแรง กองทุน AI - Healthcare -การท่องเที่ยว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย แนะ เทรนด์ธุรกิจมาแรง กองทุน AI - Healthcare -การท่องเที่ยว มอง ดิจิทัลวอลเล็ตไม่ว่าจะแจกเงินรูปแบบไหน ควรรีบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ร่วมงานสัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded การเลือกตั้งทั่วโลกปี 2024 จับตาการลงทุนและความท้าทายที่รออยู่ โดยได้กล่าวในหัวข้อ “ วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยและโลก ลงทุนต่อ หรือ รอก่อน เจาะลึกกลยุทธ์การลงทุนที่แข็งแกร่งท่ามกลางความผันผวน ว่า
หากพูดถึงเรื่องการเลือกตั้งใหญ่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ระหว่าง กมลา แฮร์ริส กับ โดนัลด์ ทรัมป์กรณีหากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ

มองว่า จะดีต่อหุ้นของสหรัฐ แต่เรื่องสงครามการกีดกันทางการค้าจะเพิ่มขึ้น เงินดอลล่าร์จะแข็งค่าขึ้น โดยนโยบายที่เคยประกาศไว้ จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับทุกประเทศ 10% โดยเฉพาะจีน 60% ซึ่งหากมีการขึ้นภาษีนำเข้า ก็จะทำให้เงินหยวนอ่อนค่าและทำให้ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าเช่นกัน อีกทั้ง ทรัมป์ ไม่เชื่อในเรื่องของสภาวะโลกร้อน
ดังนั้น การลงทุนเกี่ยวกับ GREENTECH ต้องระมัดระวัง ขณะที่ หากกมลา แฮร์ริส ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็จะมีปัจจัยบวกเรื่องการผลิตที่น่าจะชัดเจน และสงครามทางการค้าน่าจะสงบลงมากกว่า
มองเทรนด์การลงทุนการเงินในระยะยาว ว่า ขณะนี้เทรนด์ที่น่าสนใจและมาแรง คือ คือกองทุนที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี AI ธุรกิจ Healthcare ผลิตภัณฑ์ยา การท่องเที่ยว
คาดเงินเฟ้อไม่มีปัญหา ประชุม กนง.รอบหน้าคาดว่าจะลดดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นายบุรินทร์ ยังกล่างถึงกรณีที่แบงก์ชาติ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% โดยมองว่า แบงก์ชาติยังคงรอความชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งในส่วนของประเทศไทย หากประเมินแล้วเศรษฐกิจไม่ดีและเงินเฟ้อไม่มีปัญหา ก็อาจจะทำให้แบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ยในครั้งต่อไป เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
เช็กพื้นที่ 35 จว.เฝ้าระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก 9 ลำน้ำเสี่ยงล้นตลิ่ง!
5 แหล่งอาหารช่วยบำรุงความจำ ชะลอความเสื่อมของสมอง
โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 1.22 แสนล้าน รองรับ "ดิจิทัลวอลเล็ต"

ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ไม่ว่าจะแจกเงินรูปแบบไหน ควรรีบดำเนินการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายบุรินทร์ ยังกล่าวถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จากเดิมที่จะแจกผ่าน แอปพลิเคชันทางรัฐ เพื่อใช้จ่ายผ่านร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าร่วมโครงการฯ แต่ล่าสุด มีการเปลี่ยนแปลง โดยจะเป็นการแจกเงินสด และเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นเฉพาะกลุ่มคนผู้มีรายได้น้อย ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 14,000,000 คน วงเงินลดลงเหลือ 1.22 แสนล้านบาทนั้น มองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่รัฐบาลควรทำขณะนี้ หากเป็นนโยบายแจกเงิน ไม่ว่าจะเป็นการแจกรูปแบบไหน ก็ขอให้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว เพื่อนำเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และมองว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายเป็นการแจกเงินสด ก็ไม่ต้องเสียเวลาทำระบบ และการเจาะจงให้เฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการจริงๆ ก็ยิ่งจะเป็นเรื่องที่ดี
เนื่องจากขณะนี้บรรยากาศทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มแผ่วลง หากทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เร็ว ก็จะทำให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก จากนั้นก็นำวงเงินที่เหลือจากมาตรการเดิม ไปกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆ ก็จะยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ เรื่องการเมืองของไทยในประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น การดึงความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและตลาดทุน ที่เริ่มเห็นเม็ดเงินไหลออก รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในส่วนนี้ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและควรเร่งดำเนินการโดยเร็ว