ตลาดหุ้นแกว่งในกรอบ 1418-1435 จุด รอดูเงินเฟ้อสหรัฐ

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) วิเคราะห์ตลาดหุ้นวันนี้ (11 ก.ย. 67) คาด SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1418-1435 จุด แม้กลุ่มพลังงานจะกดดันดัชนี หลังราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง อย่างไรก็ตามคาดกรอบล่างที่เป็นแนวรับยังรองรับได้ ส่วนกรอบบนยังจำกัด โดยนักลงทุนในตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้าวันที่ 17-18 ก.ย. 67 นี้

ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโมเมนตัมที่ดีจากคลายกังวลเสถียรภาพทางการเมืองไทย และคาดหวังการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปลาย 3Q-4Q67 แต่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET Index ปรับขึ้นแล้วกว่า 10% ต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นบริเวณแนวต้าน 1450-1460 จุด

มองเม็ดเงินลงทุนจะสลับไหลออกจากกลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ สื่อสาร ไปเข้าสู่กลุ่มปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า อสังหา และการแพทย์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงและคาดจะนำไปสู่การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ FED และ ECB กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” 

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: ศึกดีเบตแรก “แฮร์ริส” คุมเกมดีกว่า “ทรัมป์”

อัปเดต "iOS 18" ไอโฟนเก่ารุ่นไหนรองรับบ้าง เช็กที่นี่!

เช็กพื้นที่! ตัดกระแสไฟฟ้า เหตุน้ำท่วมแม่สาย

GPSC : มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากราคาก๊าซที่ปรับตัวลง ขณะที่ปี 67 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 4.58 พันลบ. เติบโต 33.8% และจะเติบโตต่อเนื่องอีก 16.3% ในปี 68 ปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังมีกำลังการผลิตติดตั้งที่สูงขึ้นในอินเดียและไต้หวัน วันนี้แนะนำราคาเข้าซื้อเก็งกำไรไม่เกิน 45.50 บาท

BCH : 3Q67 คาดกำไรเติบโต และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ส่วนปี 67 แม้คาดกำไรทรงตัว แต่จะกลับมาเติบโตเด่นอีกครั้ง 18.7% ในปี 68 ขณะที่มองราคาหุ้นที่ปรับลงมาแล้ว 24%YTD จนทำให้ปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 68 ระดับ 21 เท่า หรือระดับ -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต สะท้อนประเด็นลบไปเรียบร้อยแล้ว 

ประเด็นสำคัญ

• ม.หอการค้าไทย เผยหนี้ครัวเรือนไทยปี 67 สูงสุดรอบ 16 ปี เฉลี่ยต่อครัวเรือน 606,378 บาท เพิ่มขึ้น 8.4% สาเหตุจากเศรษฐกิจชะลอ ค่าครองชีพสูง รายได้ไม่พอรายจ่าย ส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต เผยแจกเงินหมื่นให้กลุ่มเปราะบางกระตุ้นจีดีพี 0.2-0.3%
• รมว.คมนาคมประกาศผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้ครบทุกสายภายในเดือน ก.ย. 68 ยืนยันเดินหน้าโครงการ Landbridge ล่าสุดกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเบื้องต้น คาดเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 73
• FETCO มองฟันด์โฟลว์ทยอยเข้าหุ้นไทยต่อ ขานรับหากรัฐบาลเดินหน้านโยบายต่อเนื่องทำได้จริง เผยหารือ ก.ล.ต.-ผู้จัดการ ตลท.คนใหม่ เร่งปั้นสตาร์ดวงใหม่ ชูกลุ่มเทคฯ-สตาร์ตอัปเสริมเสน่ห์ หวังดูดเงินลงทุน
• ดีป้าเผยอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยปี 66 ขยายตัว 3.88% สร้างมูลค่ากว่า 2 ล้านลบ. โดยอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์มีอัตราเติบโตโดดเด่นสูงสุดกว่า 12% พุ่งทะลุ 2 แสนลบ. แนวโน้มสดใสต่อ 3 ปี เตือนผู้ส่งออกปรับตัวรับเทรนด์เทคโนโลยีใหม่
• รมว.พลังงานเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรากฎหมายด้านพลังงานฉบับใหม่ สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ไม่ใช่การอ้างอิงราคาในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ราคาพลังงานถูกลง ทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้ม โดยกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันมีการปรับเปลี่ยนราคาได้เพียงเดือนละครั้งเดียว
• ศูนย์พายุเฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ คาดพายุเฮอร์ริเคนอาจพัดถล่มชายฝั่งรัฐลุยเซียนาในวันนี้ กระทบการผลิตและการกลั่นน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐฯ ซึ่งมีการผลิตน้ำมันในสัดส่วนสูงถึง 50% ของกำลังการกลั่นน้ำมันภายในประเทศ
• โอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ขยายตัว 2 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 80,000 บาร์เรล/วันจากก่อนหน้า และปีหน้าขยายตัว 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 40,000 บาร์เรล/วันจากก่อนหน้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันจากจีน 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

แม้ช่วงสั้นมอง SET จะยังมีโมเมนตัมที่ดี แต่อาจต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้

1. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ CPN GPSC TFFIF
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
3. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากคาดรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง ก.ย. นี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT BJC TNP CBG
4. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO