เชื่อมั่นนักลงทุนพุ่งต่อเนื่อง “อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอย่างมาก”
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน “อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอย่างมาก” นักลงทุนหวังปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้น ศก.และการปรับลดดอกเบี้ยโดย กนง.
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ผลสำรวจเดือนตุลาคม 2567 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ระดับ 160.66 ซึ่งนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์เงินเฟ้อ รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ
อัจฉริยะแฉ! ตร.หิ้วสอบคนใกล้ชิดทนายตั้มตัวย่อ "บ" รับสารภาพหมดเปลือก!
ผลสำรวจโดยสรุป
ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (ช่วงค่าดัชนี 160-200) ที่ระดับ 160.66
ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด : หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด : หมวดยานยนต์
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด : สถานการณ์เงินเฟ้อ
ผลสำรวจ ณ เดือน ต.ค. 67 รายกลุ่มนักลงทุนพบว่าความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลดลง 6% อยู่ที่ระดับ 138.71 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 14.3% อยู่ที่ระดับ 150 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศทรงตัวอยู่ที่ระดับ 140 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 10% อยู่ที่ระดับ 180
ในช่วงเดือนครึ่งแรกของเดือน ต.ค. 67 SET Index ปรับตัวในกรอบแคบ ก่อนปรับขึ้นช่วงกลางเดือนหลังได้แรงกระตุ้นจาก กนง. ลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 2.25% และปรับตัวลงในเวลาต่อมาจากแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ จากมุมมองว่า FED จะยังไม่เร่งลดดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดย SET Index ณ สิ้นเดือน ต.ค. 67 ปิดที่ 1,466.04 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 54,750 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 27,968 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 122,757 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม
- สถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจเกิดการลุกลาม
- ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. 67 และทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน
- แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีน
ปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม
- แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว
- แนวโน้มของเงินเฟ้อ
- การเติบโตทางเศรษฐกิจ
- เสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของ กนง. ในการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
- แรงหนุนจากการซื้อกองทุน ThaiESG และกองทุนวายุภักษ์ในช่วงท้ายของปี
- ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/67 ที่คาดว่าจะออกมาดีในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB