ราคาทองวันนี้ (11 พ.ย.2567) เปิดการซื้อขายปรับลง 100 บาท
ราคาทองวันนี้ (11 พ.ย.2567) เปิดการซื้อขายปรับลง 100 บาท จับตาความไม่แน่นอนการเมืองสหรัฐฯ
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองวันที่ 11 พ.ย.2567 เปิดการซื้อขาย ปรับลง อีก 100 บาท คาดทองย่อชั่วคราว จับตาความไม่แน่นอนการเมืองสหรัฐฯ
- ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 43,300.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 43,400.00 บาท/บาททองคำ
- ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 42,523.80 บาท/บาททองคำ และขายออก 43,900.00 บาท/บาททองคำ
- ทอง 1 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 11,350 บาท
- ทอง 2 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 22,200 บาท
- ทองครึ่งสลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 5,925 บาท
ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 2,673.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 34.29 บาท/ดอลลาร์
ฮั่วเซ่งเฮง มองทิศทางราคาทอง คาดทองย่อชั่วคราว จับตาความไม่แน่นอนการเมืองสหรัฐฯ
ยึดทรัพย์แล้ว 71 ล้าน เงินสด-บ้านหรู“ทนายตั้ม”
เปิดสถิติ ลิเวอร์พูล บ่งชี้มีโอกาสเกิดเหตุซ้ำรอยซีซั่น 2019-20 อีกครั้ง
เช็กสถิติหวย-สลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี งวดวันที่ 16 พ.ย.
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำได้ปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง จากเกิดแรงเทขายทำกำไรออกมาเพื่อล็อกผลตอบแทน เนื่องจากราคาทอง Spot ปรับตัวขึ้นทำ All-time high ที่ 2,789 ดอลลาร์ ทำให้ราคาทอง Spot ปรับขึ้นถึง 35% และเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งสัปดาห์ก่อนราคาทองคำได้เกิดความผันผวนจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และการประชุมเฟดในเดือนพ.ย.
ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ นายโดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐเป็นคนที่ 47 ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 คะแนนไปแล้วตั้งแต่ที่นับคะแนนเมื่อวันที่ 6 พ.ย. และคาดว่าเมื่อนับคะแนนเสร็จสมบูรณ์ ทรัมป์จะได้ 312 คะแนน ขณะที่แฮร์ริสจะได้ 226 คะแนน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังคว้าชัยชนะในทั้ง 7 รัฐสมรภูมิ และได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) อย่างขาดลอย ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์มีโอกาสครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรหรือ Red Sweep ทำให้การผ่านร่างกฎหมายต่างๆ จากนโยบายพรรครีพับลิกันคาดทำได้ง่ายขึ้น
สิ่งที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้ภายหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ คือ ปฏิกิริยาของตลาดการเงิน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับจีนและรัสเซีย ปัจจัยความไม่แน่นอนจากคดีความของโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง จึงต้องจับตาว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะสร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดอย่างไร และหลังจากชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ คดีที่รัฐบาลกลางฟ้องและรัฐฟ้องทรัมป์จะมีทิศทางอย่างไร โดยก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชาน ในแมนฮัตตัน มีกำหนดพิพากษาบทลงโทษต่อทรัมป์ในวันที่ 26 พ.ย.
ณ ขณะนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังมีคดีรอการพิจารณาหลายคดี โดยคดีแรกที่ถูกตัดสินโดยคณะลูกขุนในรัฐนิวยอร์ก เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลเท็จจำนวน 34 ข้อหา ซึ่งเชื่อว่าทรัมป์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินปิดปากจำนวน 130,000 ดอลลาร์ให้กับสตอร์มี แดเนียลส์ แต่ผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชาน ในแมนฮัตตันได้เลื่อนการพิจารณาคดีไปเป็นวันที่ 26 พ.ย หลังการเลือกตั้งเพื่อป้องกันการกระทบต่อผลคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีคดีอื่น ๆ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการ เช่น คดีสมรู้ร่วมคิดผลการเลือกตั้งในปี 2020 คดีเกี่ยวกับเอกสารลับ และคดีการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย โดยในสัปดาห์นี้คาดว่าผู้พิพากษาเมอร์ชานจะพิจารณาคำร้องของทรัมป์ที่ขอให้ยกเลิกคำพิพากษาภายในวันที่ 12 พ.ย.
ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งและยังคงเผชิญกับคดีความ สถานการณ์เช่นนี้จะสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากในตลาดการเงิน โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านของรัฐบาล ความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองและทิศทางนโยบายอาจกระตุ้นให้นักลงทุนมองหาทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาได้ยากในอนาคต สถานการณ์นี้จะส่งผลให้เกิดแรงกดดันในตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมักเชื่อมโยงกับราคาทองคำ
เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจสามารถทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ทองคำมีราคาน่าดึงดูดขึ้นในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก อีกทั้งอาจส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพมากกว่า เช่น ทองคำ นอกจากนี้ หากคดีความของทรัมป์ขยายเวลาการพิจารณาหรือมีข่าวความคืบหน้าที่ยืดเยื้อในช่วงที่เขากำลังจะเข้ารับตำแหน่ง จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระบบการเมืองและกฎหมายสหรัฐฯ สั่นคลอน
ส่งผลให้ทองคำมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่ให้ความปลอดภัยจากการแทรกแซงทางการเมืองหรือการผันผวนของตลาด ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายของทรัมป์ที่มีแนวโน้มเอื้อต่อนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เช่น การเพิ่มหนี้สาธารณะเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายหรือการปรับลดภาษีในบางกรณี อาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
แม้ว่าช่วงนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลงระยะสั้น จากสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำ จาก Modified Stochastic ยังคงเกิดเส้นตัดกันลงมา และยังไม่เข้าสู่ Oversold และเกิด Bearish MACD แต่คาดว่าราคาทองคำเป็นการย่อตัวเพื่อปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยราคาทองคำมีแนวรับ 2,640 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน คาดว่าเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง และราคาทองคำมีแนวต้าน 2,720 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,740 ดอลลาร์ ส่วนแนวโน้มราคาทองแท่งในประเทศอาจปรับตัวลงเล็กน้อย แนะนำทยอยเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับ 43,000 บาท และ 42,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 43,750 บาท และ 43,900 บาท