ผ่ากลยุทธ์ JAS ทุ่ม 19,000 ล้าน ดีลพรีเมียร์ลีก! เขย่า Sport Business
ผ่ากลยุทธ์ JAS ทุ่ม 19,000 ล้าน ดีลพรีเมียร์ลีก! เขย่า Sport Business วางเป้าสมาชิกแตะ 2 ล้าน
ทันที่ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ประกาศ ลงนามยืนยันอย่างเป็นทางการและเป็นหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดย The Football Association Premier League Limited (Premier League) ระบุว่า JAS ได้สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity right) ในการถ่ายทอดสดภาพและเสียงของรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ เป็นระยะเวลารวม 6 ปี หรือ 6 ฤดูกาล ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศกัมพูชา และประเทศลาว อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายทอดสด รีรันและ ไฮไลท์

หลายคนโฟกัสไปที่ นายโสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS พร้อมคำถามมากมาย ทั้งในมุมของ Business Canvas จากนี้ ไปจนถึง ราคาที่คนไทยต้องจ่ายเพื่อจะดูพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีฐานแฟนบอลถึง 10 ล้านคน
PPTV Wealth ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยแบบเจาะลึกถึงดีลยักษ์ครั้งนี้
โมเมนต์ไหน? ที่ทำให้ตัดสินใจ ซื้อดีลนี้ นี่คือคำถามที่อยากรู้คำตอบที่สุด
นายโสรัชย์ บอกว่า ด้วยความบ้าบอลทั้งคู่ (นายโสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS กับ นายพิชญ์ โพธารามิก เจ้าของ JAS ) ช่วง เสาร์-อาทิตย์ หากมีเวลาว่างก็บินไปดูแข่งขันฟุตบอล จึงเป็นเหมือน Passion ที่สุดท้ายทำให้เกิดดีลนี้ขึ้น
สำหรับลิขสิทธิ์ครั้งนี้ มูลค่ารวม 559,980,000 ดอลลาร์ฯสหรัฐ หรือคิดเป็น 19,167,723,414 บาท
หากมองย้อนกลับไป 40 ปีที่ผ่านมา JAS คือธุรกิจโทรคมนาคมขนาดใหญ่ของไทยอีกแห่งหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำ 3BB บอร์ดแบรนด์ ก่อนจะขายให้กับ AIS ด้วยมูลค่าราว 32,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ปัจจุบันภายใต้การนำของ JAS ประกอบไปด้วย JTS JASTEL JAS TV PREMIUM ASSET CCS หรือ MONO 29 โดยประกาศตัวเป็น Investment Company โดยมีทั้ง AI และ บิตคอยน์ ซึ่งยังไม่มีตัวที่เป็น Flagship แต่ “คอนเทนต์กีฬา” โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีฐานแฟนคลับใหญ่มาก อาจทำให้ภาพของ JAS จากนี้ชัดเจนมากขึ้น กับการลงสนามนี้ จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจประมูล
19,000 ล้านบาท ดีลที่ JAS กล้าแลก
นายโสรัชย์ อธิบายว่าลิขสิทธิ์ 6 ซีซั่น พอแบ่งจริงๆ ก็ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ได้น่ากลัว แต่การจ่ายเงินจะจ่ายเป็นซีซันต่อซีซัน โดยในแต่ละซีซันจะแบ่งเป็นต้นและกลาง โดยจะมีเงินที่จะได้จากค่าสมาชิกเข้ามาก่อนเปิดซีซัน ซึ่งเป็นการบริหารจัดการมากกว่า ไม่ใช่เป็น 19,000 ล้านบาททีเดียว
เป้าหมายฐานคนดู MONOMAX
ซึ่ง JAS จะใช้เป็นแพลตฟอร์ม โดย MONOMAX มีลูกค้าประมาณ 1,500,000 USER ซึ่งมีทั้งซีรีส์ และภาพยนตร์ โดยมองว่าเป็นการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว หากเพิ่มคอนเทนต์ฟุตบอลเข้าไป โดย 1 ฤดูกาลมี 10 เดือน เท่ากับจะมีคอนเทนต์เข้ามาเสริมให้อีก 2 เดือนมีมูลค่ามากขึ้น
แต่จะมีตัวเลือกสำหรับกลุ่มที่ต้องการดูบอลเฉพาะที่เป็นช่วงฤดูกาลแข่งขัน ก็สามารถเลือกได้
ปัจจุบัน MONOMAX ขายแพ็คเกจที่เดือนละ 100 บาท และคาดว่าหากมี พรีเมียร์ลีก ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 400 บาทต่อเดือน โดยมองกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นด้วย
นายโสรัชย์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ JAS แต่ไม่ใช่มาแบบไม่มีอะไรเลย เพราะ JAS มีพื้นฐานของการถ่ายทอดและ streaming อยู่แล้ว แต่อาจจะขาดเรื่องฟุตบอลมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งในปีแรกก็อาจจะเป็นมุมบอดได้
เปิดทาง ฟรีทีวีคุยร่วมจอยลิขสิทธิ์
นายโสรัชย์ บอกว่าปัจจุบันยังไม่มีฟรีทีวีเจ้าไหนเข้ามาคุย นอกจากที่แน่นอน คือ MONO 29
เป้าหมายสมาชิก?
เขามองว่า 1.1 ล้านสมาชิก สามารถคลอบคลุม 19,000 ล้านบาทได้ และเชื่อว่าจะขยายการตลาดไปได้ 3 ล้านสมาชิก จากรีเสริช์ที่คนไทยดู พรีเมียร์ลีก ประมาณ 10 ล้านคน และหากเพิ่มสีสันความสนุกของอีเวนต์ต่างๆ เข้าไป ก็อาจมองได้ถึง 1.5-2 ล้านสมาชิก
JAS จะไม่หกล้มอีก?
นายโสรัชย์ มองว่าการใช้เงินกับดีลนี้อยู่ที่ประมาณ หลักพันล้านบาท นั้นหมายความว่าเราจะสามารถเดินต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม JAS เคยแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเอกสาร บริษัทฯ ระบุว่า มีเงินสดและ รายการเทียบเท่าเงินสดเท่ากับจำนวน 4,678 ล้านบาทเพราะฉะนั้นอีก 14,489 ล้านบาท ตามเอกสารระบุว่า นอกจากเงินสดแล้วจะเป็นการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินซึ่งอยู่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการเจรจากับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง
