SET เคาะมาตรการ ปรับ Uptick - HFT สร้างเสถียรภาพตลาดหุ้น
SET เคาะ มาตรการ ปรับ Uptick - HFT สร้างเสถียรภาพตลาดหุ้น เตรียมเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบ คาดว่าจะใช้บังคับได้ประมาณปลายไตรมาส 2 ปีนี้
ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ 19 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงมาตรการเพื่อยกระดับความเชื่อมั่น ที่ได้เริ่มใช้บังคับในช่วงปี 2567 โดยได้พิจารณาแนวทางและมาตรการอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความเหมาะสมของการใช้มาตรการตามสถานการณ์ เพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน และสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทย
โดยหลังจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะใช้บังคับได้ประมาณปลายไตรมาส 2 ปีนี้

สำหรับการปรับปรุงในครั้งนี้ สามารถสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
มาตรการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์
1.การกำกับดูแลการขายชอร์ต
- ปรับปรุงคุณสมบัติของหลักทรัพย์ที่สามารถขายชอร์ตได้ ให้เป็นหลักทรัพย์เฉพาะในกลุ่ม SET100 จากเดิมที่กำหนดให้เป็นหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 และ non-SET100 ที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง (คือ มี Market Capitalization เฉลี่ย 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาท และมี Monthly Turnover ในรอบ 12 เดือน ไม่น้อยกว่า 2% รวมทั้งมีการกระจาย Free Float ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว)
- กำหนดให้ใช้เกณฑ์ Uptick เมื่อจำเป็น คือ กรณีปกติสามารถใช้เกณฑ์ Zero-Plus Tick สำหรับการขายชอร์ตได้ เว้นแต่เมื่อหลักทรัพย์ใดมีราคาลดลงถึงระดับที่กำหนด (เช่น ≥X% จากราคาปิดของวันก่อนหน้า) จึงจะต้องขายชอร์ตหลักทรัพย์นั้นด้วยเกณฑ์ Uptick ในวันทำการถัดไป
2. เลื่อนการบังคับใช้เกณฑ์การกำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ Phase 2 ออกไป
มาตรการกำกับพฤติกรรมการซื้อขายไม่เหมาะสม คือ
1.ขึ้นทะเบียน HFT
- จำกัดให้ผู้ลงทุนที่ขึ้นทะเบียนส่งคำสั่งซื้อขายแบบ High Frequency Trading (HFT) สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้เฉพาะหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 ทั้งนี้ไม่รวม Market Maker และหลักทรัพย์บางประเภท มาตรการนี้เพื่อลดผลกระทบด้านราคาและสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายของกลุ่ม HFT
2. Minimum Resting Time 250 milliseconds
- ยกเลิกใช้มาตรการ Minimum Resting Time 250 milliseconds โดยการยกเลิกมาตรการดังกล่าวหวังว่าจะดึงสภาพคล่องกลับเข้ามาโดยเฉพาะหุ้น SET 100

