พฤกษา เสนอ แบงก์ชาติ กระตุ้นตลาดอสังหาฯ กำชับนิติคอนโดห้ามทำ Airbnb
พฤกษา เสนอ แบงก์ชาติ 2 เรื่องกระตุ้นตลาดอสังหาฯ พร้อมกำชับนิติคอนโดทุกๆโครงการในเครือ ไม่สนับสนุนทำ Airbnb
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) กล่าวถึง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 68 ที่ผ่านมาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าว ถึงแม้จะประกาศลดดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.00% แต่ธนาคารก็ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เพียงแค่ 0.1% เท่านั้น
ซึ่งตนเองมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ไม่ได้มีส่วนช่วยฟื้นฟู ให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์เท่าไหร่ แต่ตนเองกลับมองว่า

หาก ธปท. พิจารณาผ่อนปรน LTV (Loan to Value) หรืออัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันในปีนี้ หรืออีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นเป็นประโยชน์ช่วยฟื้นฟูตลาดอสังหาฯ มากกว่า
โดยเสนอให้ ธปท. พิจารณา 2 เรื่องได้แก่
1.ให้ผู้กู้ กู้ได้ในวงเงิน 100%
2.พิจารณาอัตราความสามารถในการกู้ของลูกค้าให้ผ่อนปรนเงื่อนไขมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามต่อ ถึงกรณีที่มีต่างชาติปล่อยเช่าที่พัก ในรูปแบบรายวันหรือที่เรียกกันว่า Airbnb จนลูกบ้านได้รับผลกระทบ นั้น นายทองมา มีความคิดเห็นอย่างไร โดย นายทองมา กล่าวว่า ในส่วนของกรณีนี้ พฤกษา ยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนมา แต่ตนเองก็ได้กำชับกับนิติบุคคล ทุกๆ โครงการในเครือพฤกษา ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมและไม่ควรทำ ซึ่งตนเองไม่สนับสนุน ให้มีการปล่อยเช่าแบบรายวัน
และหลังจากนี้ จะเตรียมพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการมารองรับ และป้องกันปัญหาดังกล่าวต่อไป หากมีกรณีเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับ ผลประกอบการ ในปี 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่ยังคงสูงอยู่ ทำให้พฤกษามีรายได้รวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 456 ล้านบาท ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ 31.3% มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.31 เท่า
ในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาหดตัวลง อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนวโน้มในปีนี้เช่นเดียวกัน และไม่ใช่แค่ในประเทศไทย เท่านั้น แต่ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบ จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก และนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐที่จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง
อย่างไรก็ตามในปี 2568 นี้ พฤกษา ยังคงจะเน้นไปที่ธุรกิจหลัก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ โดยจะเน้นทำการตลาดในที่อยู่อาศัยแบบบ้านเดี่ยว และคอนโดเป็นหลัก และเน้นจุดขายด้านทำเลที่ใกล้เมืองโดยวางแผนเปิดตัวโครงการอสังใหม่ในปีนี้ไว้ที่ 22 โครงการ มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท นอกจากนี้ จะเน้นธุรกิจอื่นๆ และตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 23,500 ล้านบาท
โดย พฤกษา วาง 2 กลยุทธ์หลัก ดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าท้ายได้แก่
1.กลยุทธ์เชิงรับเพื่อรักษาข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน (Strategic Positioning Strategy) ผ่านการปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอจำหน่ายที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในแผนการพัฒนา มูลค่า 1,000 ล้านบาท และพัฒนาโครงการใหม่จากที่ดินที่มีอยู่เดิมมูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท เร่งปิดโครงการเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ได้อีก 31 โครงการ และปรับสัดส่วนโครงการแนวราบจาก ทาวน์เฮาส์ ต่อ บ้านเดี่ยว จาก 60:40 เป็น 50:50 ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ด้วยการแบ่งโซนนิ่ง ครอบคลุมเป็น 6 โซนหลัก เและ การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Stewardship) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีจากอินโนพรีคาสท์ และ อินโนโฮม คอนสตรัคชั่น
และ กลยุทธ์ที่ 2 กลยุทธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย (Resilient Growth Strategy) มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยจะเน้นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับ Ultra-premium segment เช่น THE RESERVE, THE PALM สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ส่งเสริมการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ (Well-being-focused collaborative synergy) เน้นพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ เพื่อรักษามาร์จิ้นในระดับสูงไว้ได้ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดนี้จะทำให้สร้างกำไรมากขึ้นได้ในปีนี้